ไม่แต่มีแค่“โน้สอุดม”เจ้าของตำรับ “เดี่ยวไมโครโฟน”ที่กำลัง “งานเข้า”จาก“ทัวร์ลง” เหตุเพราะมี “บางเนื้อหา”ที่นำเสนอของ “โน้ส”ทำให้ ผู้คน“ฝ่ายอนุรักษ์นิยม”เข้าใจผิดแม้เจ้าตัวจะล้อไปทั่วแบบไม่เลือกสีเลือกฝ่าย ซีกข้างฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะ “รัฐบาลเพื่อไทย”ของ “นายกเศรษฐา”ก็มีอันต้อง “ว้าวุ่น”เพราะ “ทัวร์ลง”ไปยังเหล่าบรรดา “ตัวละคร”ที่อยู่ระนาบบนของ “อำนาจการเมือง”ไล่ตั้งแต่ “ผู้บารมีนอกรัฐบาล”อย่าง “ทักษิณ”ที่แม้ไม่ปรากฏตัวแต่บทบาทความเคลื่อนไหวถูกวิจารณ์หนักว่าอยู่ “เบื้องหลังการถ่ายทำ”หลายเรื่อง มาถึง “อุ๊งอิ๊งค์”บุตรสาวมาถึง “รัฐมนตรีอ้วน-ภูมิธรรม”ที่โดน “ทัวร์ลง”จากปม “วิ่งชนกำแพงแบงค์ชาติ”และปม “กินข้าว10ปี15น้ำ” โชว์ที่ถูกผูกโยงไปถึงกระแสการกลับประเทศของ “ยิ่งลักษณ์”
โดยเฉพาะ ที่กำลังปรากฎเป็น“เอฟเฟ็กต์”จากผล“ผู้บารมีนอกรัฐบาล”อย่าง “ทักษิณ”ถูกวิจารณ์การเข้ามาแจมอำนาจ กับ การปรับ “ครม.เศรษฐา”ซึ่ง พาสจาก “เศรษฐา1/1”สู่1/2เพียงข้ามคืนและทำท่าจะพาสไป “เศรษฐา1/3” เหตุเพราะ ไม่ทันพ้นสัปดาห์ก็มี “รัฐมนตรี”น้อยใจเพราะถูกทำอะไรแบบไม่บอกกล่าว ไขก๊อกลาออกไปแล้ว 2 คนไล่ตั้งแต่ “ปานปรีย์”รมว.ต่างประเทศที่ถูกยึดตำแหน่งรองนายกฯ มาถึงล่าสุดเมื่อวาน(8 พ.ค.) “กฤษฎา”รมช.คลัง ที่โดนบีบโดยวิธี “แบ่งงาน”ในกระทรวงคลัง ไม่นับรวมบรรดา “รัฐมนตรีเพื่อไทย”ชุดแรก ที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ทุ่มเท”เปลืองตัว”จนเพื่อไทยพลิกขั้วเป็นรัฐบาล ที่มาถูกปรับออกหลังทำงานแค่ 6 เดือน
ไม่แต่เท่านั้น “บทบาท”ของ “ทักษิณ”แม้เฟดหายไปการปรากฏตัวโดยตรงแบบ “ตัวเป็นๆ”ไปหลายวันแต่ยังคงปรากฎร่องรอยการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารของ “รัฐบาลเศรษฐา”ในกิจการความมั่นคง-ต่างประเทศ กับข่าวการไปเป็น “ตัวกลาง”ในการเจรจาสงบศึกของเพื่อนบ้านระหว่างรัฐบาลพม่ากับกลุ่มชาติพันธ์ ที่กำลังทำสงครามกัน หรือแม้กระทั่งข่าวการไปพบกับ “อันวาร์ อิบราฮิม”นายกมาเลเซีย พูดคุยแก้ปัญหา3จังหวะชายแกนใต้ ระหว่างที่ ทักษิณ เดินทางไปจังหวัดภูเก็ตระหว่างวันที่ 29 เม.ย.- 2 พ.ค.ที่ผ่านมา
ที่ปรากฎการณ์ที่สะท้อนผ่านรัฐบาลจนกลายเป็น “เอฟเฟ็กต์”หลายมิติ อันปรากฏเงาของ“ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล”ดังกล่าว เริ่มถูกวิจารณ์และวิเคราะห์จากหลายฝ่ายว่า สะท้อนการกลับมา “เต็มตัว”ของ “ทักษิณ”และทำท่าว่าจะบานปลายส่งผลกระทบ อันสะท้อนไปถึงเรื่อง “ดีลกลับบ้าน”ที่จะแสดงผลในวันที่ 29พ.ค.ที่จะมีข้อสรุป”คดี 112ของ “ทักษิณ” “ อย่างที่ “ตู่-จตุพร”ออกมาวิเคราะห์ผ่านสื่อบอกว่า ได้กลิ่นรัฐประหาร เพราะขณะนี้“องค์ประกอบ”ครบแล้ว
ทั้งปมอภิสิทธิ์ชนไม่ติดคุกสักวันเดียวทำลายกระบวนการยุติธรรม การขัดพระบรมราชโองการรวมทั้งแนวคิดดิจิทัลวอลเล็ตที่จะก่อหนี้ให้ประเทศ นี่เป็นชนวนสำคัญ นายกฯ ใช้รถหลวงไปขอพรสงกรานต์ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า รวมทั้งการไปกล่าวหาว่า “แบงค์ชาติ”ขัดขวางเป็นอุปสรรคในการพัฒนาเศรษฐกิจ
คณะที่ควบคุมการดีลเรื่องทั้งหลายก็เริ่มตึงเครียด ทำให้นายพลทั้งหลายมีการพูดคุยมีการขยับทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว
ขณะที่ การปรับ ครม.ล่าสุด ก็ยังมีคนไม่พอใจอยู่สภาพพรรคเพื่อไทยตอนนี้ไม่เหมือนเดิม หากไม่มี สว. 152 เสียงที่โหวตให้ รัฐบาลนี้ก็เกิดไม่ได้ทุกอย่างไม่ตรงปก บอกจะไม่จับมือใครก็ไปตระบัดสัตย์ วันนี้พรรคเพื่อไทยไม่มีประชาชนเป็นหลังพิงมองว่าใกล้เข้ามาแล้วที่จะได้ยินคำว่า โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง องค์ประกอบมันครบแล้วดีลมาแล้วแต่ควบคุมไม่ได้ คนชังก็ชังอยู่ แต่คนรักเปลี่ยนเป็นคนชังไปจำนวนมาก กระบวนการยุติธรรมย่อยยับเศรษฐกิจกำลังจะพินาศ ผลประโยชน์ก็ได้รับเป็นบุคคล แต่ไม่ใช่ประเทศชาติ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews