กลับมาคึกคักกันเลยทีเดียว สำหรับราคาทองคำ ที่ล่าสุดกลับมายืนเหนือ 41,000 บาทต่อบาททองคำได้สำเร็จ หลังจากก่อนหน้านี้ราคาได้ย่อตัวหลุดลงไปเล็กน้อย อันเนื่องมาจากสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางที่ดูจะผ่อนคลายลง
รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า หลังจากสหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 22,000 ราย สู่ระดับ 231,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าตลาดคาด และเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือน จึงอาจเป็นปัจจัยให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด อาจปรับลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นชนวนเหตุทำให้ราคาทองคําดีดกลับขึ้นมาทันทีจากระดับ 2,312 เหรียญ ขึ้นไปทําจุดสูงสุดที่ระดับ 2,355 เหรียญ จากที่ก่อนหน้านี้ราคาทองคําอยู่ในช่วงของการปรับฐานมาประมาณ 3 สัปดาห์
ล่าสุดเช้าวันศุกร์ที่ 10 พ.ค.2567 สมาคมค้าทองคำ ได้ประกาศราคาซื้อขายทองในเวลา 09.03 น. ราคาปรับขึ้นทันที 400 บาทต่อบาททองคำ และในเวลาต่อมาราคาปรับขึ้นต่อเนื่องอีก 7 ครั้ง ๆ ละ 50 บาทต่อบาททองคำ รวมแล้วราคาทองปรับ 8 ครั้ง เพิ่มขึ้น 750 บาท เมื่อเทียบกับราคาสุดท้ายของวันพฤหัสบดีที่ 9 พ.ค. และหลังจากนั้นปรับลง 50 บาทต่อบาททองคำในวันเสาร์ที่ 11 พ.ค.
โดยทองคำแท่ง รับซื้อที่ 41,000 บาท ขายออก 41,100 บาท
ทองรูปพรรณ รับซื้อที่ 40,264.96 บาท ขายออก 41,600 บาท
และการที่ราคาทองปรับขึ้นอย่างร้อนแรงเช่นนี้ จึงถูกตั้งคำถามว่า ราคาทองคำกลับมาเป็นขาขึ้น ใช่หรือไม่
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ถาม นายกสมาคมค้าทองคำ “นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” ในเรื่องดังกล่าว โดยนายกสมาคมค้าทองคำ บอกว่า ราคาทองยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นต่อไปได้ เพราะธนาคารกลางของหลายๆประเทศ ยังเข้ามาซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของราคาทองยังคงมีความผันผวน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าราคาทองจะหลุด 4 หมื่นบาทต่อบาททองคำได้หรือไม่ “นายจิตติ” กล่าวว่า ในระยะสั้น ยังไม่เกิดขึ้น
“ผมว่าถ้าเป็นการลงทุน ผมว่ายังลงทุนได้ ดูแนวโน้มโอกาสขึ้นมา มีเยอะกว่า แต่ว่าถ้าลงทุนฟิวเจอร์ พวกจ่ายมาร์จิ้นต้องระมัดระวังหน่อย ระยะสั้นอาจจะมีผันผวน”
ขณะที่ กลุ่มบริษัทในเครือเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ได้ออกบทวิเคราะห์ถึงราคาทองคําโลกในทางเทคนิค ว่า ราคาทองคําเข้าสู่แนวโน้มทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่อยู่ในช่วงของการปรับฐานมา 3 สัปดาห์ ทําให้ราคาทองคําเริ่มกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยขึ้นมาได้ และ Indicator ต่างๆ เริ่มกลับมาอยู่ในสภาวะค่อนข้างสมบูรณ์จากภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ดังนั้นจึงวิเคราะห์ได้ว่า ภาพรวมราคาทองคําน่าจะเริ่มเข้าสู่แนวโน้มทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง
ส่วนภาพรวมราคาทองไทยก็เข้าสู่แนวโน้มทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่สิ้นสุดการปรับฐานเช่นเดียวกันกับราคาทองคําตลาดโลก โดยเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นเริ่มตัดขึ้นมา ค่อนข้างสัมพันธ์กันกับราคาทองคําตลาดโลก รวมถึง Indicator ต่างๆกลับมาสมดุลขึ้นมาก และภาวะ Oversold เริ่มหายไป อย่างไรก็ดี แนะนําให้นักลงทุนถือครองในระยะยาว
จากนี้ต่อไปจะต้องติดตามราคาทองคำอย่างใกล้ชิด เพราะนี่คืออีกหนึ่งสินทรัพย์การลงทุนที่สะท้อนถึงความมั่งคั่ง และสร้างผลกำไรให้กับนักลงทุนนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews