“เสี่ยแป้ง นาโหนด” นักโทษมหากาฬ ระดับที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของไทย ต้องใช้เครื่องบินกองทัพอากาศ ไปรับตัวถึงประเทศอินโดนิเซีย คาดว่าจะกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงนี้
ซึ่งคดีของ”แป้ง นาโหนด”นั้นสะท้อนความเป็นจริงหลากหลายแง่มุมในสังคมไทยโดยเฉพาะการถลกหนังขบวนยุติธรรมบ้านเราที่มีเจ้าหน้าที่รัฐสีดำบางรายเข้าไปมีเอี่ยว จนทำให้นักโทษอุฉกรรจ์ หลบหนีไปเสวยสุขต่างแดนได้นานถึง 8เดือน
“แป้ง นาโหนด” อายุยังไม่ถึง 40ปี แต่ผงาดเป็นผู้มีอิทธิพล พบก่อเหตุมาแล้วกว่า 12 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 50 ต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปี 62 ล้วนแต่เป็นคดีร้ายแรง เช่น ฆ่า พยายามฆ่า ชิงตัวประกัน บุกรุก อาวุธปืน และถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปี 6 เดือน เจ้าตัวฉวยโอกาสหลบหนีระหว่างไปรักษาฟันที่โรงพยาบาล ทางตำรวจปิดเทือกเขาบรรทัดไล่ล่า แต่คว้าน้ำเหลว เพราะเสี่ยแป้งข้ามแดนไปยังประเทศอื่นได้สำเร็จ
ท่ามกลางความสงสัยว่า เขาหนีไปได้อย่างไร ใครให้การช่วยเหลือ เพราะงานใหญ่ระดับพาผู้ต้องขังโทษ 20ปี หนีได้ ทั้งจากหนีจากโรงพยาบาลและหนีจากประเทศไทย ย่อมไม่ธรรดา ต้องใช้ทรัพยกรมากมาย ทั้งเงิน ทั้งเส้นสาย ทั้งบุคคล โดยตัวละครสำคัญรายหนึ่งคือตำรวจรายหนึ่งเป็นญาติสนิทของแป้ง และมีบทบาทสำคัญในการช่วยแป้งหลบหนี
เนื่องจากตอนนั้นเธอเป็นหน้าห้องตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในตำรวจภูธรภาค 9 รับผิดชอบพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เธอจึงรู้ข่าววงใน และคอยแจ้งความเคลื่อนไหวของตำรวจให้แป้งรู้ตลอด และหลังเสี่ยแป้งหลบหนีได้ไม่นาน มีคลิปของ “เสี่ยแป้ง” โผล่ในโลกออนไลน์ แจงเหตุการณ์หนีคุก โดยอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและเชื่อมโยงไปถึงนักการเมืองท้องถิ่น ตำรวจและอัยการ วางแผนจับกุมในคดียาเสพติดตนเองทั้งที่ไม่เกี่ยวข้อง
พร้อมระบุอีกว่าจะยอมมอบตัวหากกระทรวงยุติธรรมดำเนินคดีกับทั้ง 5 คน ซึ่งนั้นทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อกระบวนการยุติธรรมไทยตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง คือการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอัยการ
ในตอนนั้น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักกฎหมายตัวยง อดีต สส.พัทลุงหลายสมัย ได้ระบุว่าว่า คนพัทลุงเป็นคนสู้คน พูดจาโผงผาง แต่ในกรณีของนายแป้ง ผู้คนกลับเงียบไม่มีใครกล้าพูด ทั้งที่พวกเขารู้ว่าตำรวจหรืออัยการคนไหน พัวพันกับเสี่ยแป้งบ้าง คนพัทลุงรู้กันหมด แต่มี 2 คนที่ไม่รู้ คือ ผบ.ตร. และอัยการสูงสุด เขาย้ำด้วยว่า ความอยุติธรรมเลวร้ายกว่าความตาย มนุษย์จึงต้องต่อสู้แม้ต้องเสียชีวิต เพื่อต้องการความยุติธรรม
และในช่วงปี2566 ยังมีอีกคดีที่ท้าทายกระบวนการยุติธรรมไทย นั้นคือ คดีกำนันนก กำนัน ต.ตาก้อง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ที่มีนายตำรวจระดับสารวัตรเสียชีวิต “กำนันนก” ตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า ชนวนเหตุเพราะไม่พอใจขอย้ายลูกน้องไม่ได้ และอาจเกี่ยวกับกรณีที่สารวัตรแบงค์เข้มงวดกวดขันรถบรรทุกน้ำหนักเกิน คดีนี้ มีตำรวจ 16 นายถูกดำเนินคดีฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ส่วนกำนันนกปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอสู้ในชั้นศาล
ต่อมา วันที่ 9 เมษายน 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง สั่งจำคุกกำนันนก 2 ปี และผู้ต้องหาคนอื่นทั้งตำรวจและพลเรือน ลดหลั่นไปตามฐานความผิด ตั้งแต่ 2 ปี ถึง 2 ปี 8 เดือน แต่ลดโทษเหลือ 1 ปี 4 เดือน ถึง 1 ปี 9 เดือน 10 วัน ส่วน คดีจ้างวานฆ่า มีผู้ต้องหา 2 คน คือ หน่อง ท่าผา จำหน่ายคดีไปแล้วเพราะถูกวิสามัญ กับ กำนันนก จำเลยที่ 2 ข้อหาจ้างวานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น อยู่ในชั้น ตรวจพยานหลักฐาน ซึ่งกำนันนกให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าจับตาว่า เรื่องราวของ”แป้ง นาโหนด” และ “กำนันนก”จะเดินทางไปสู่จุดจบอย่างไร มีเจ้าหน้าที่รัฐถูกลงโทษมากน้อยเพียงใด และท้ายสุดแล้วกระบวนการยุติธรรมของไทยจะมีความเป็นธรรมอย่างแท้จริงได้เมื่อไรเสียที?
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews