Home
|
ข่าว

นักกู้ผ้าข้าวม้าพันคอVsดันทุรังวอลเล็ต

 

 

 

ผ่านจากฉาก “4คดีการเมือง”มาได้ กลับเข้าโหมด “ศึกซักฟอกงบประมาณ 68”ปรากฏภาพขุนพล“ฝ่ายค้าน”คนละขั้วอย่าง “ต๋อม-ชัยธวัช”กับ “อู๊ดด้า-จุรินทร์”ออกมาประเดิม“ซักฟอกพรบ.งบประมาณ”คล้ายประหนึ่งเผาหัว“ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล”แบบที่คอการเมืองซี้ดปาก ไม่ว่าจะเป็นลีลา “วาทกรรม”หรือเนื้อหาที่พ่วงทั้งมิติการเมือง เศรษฐกิจ สังคมต้นสายปลายเหตุอันโยงใยมาสู่ “ความไม่ไว้วางใจ” ในการใช้ “งบประมาณ68”ที่ปรากฏร่องรอย “ความเสี่ยง”ที่ประเทศจะได้รับความเสียหาย

 

อย่างที่ “จุรินทร์”จากประชาธิปัตย์ จัดชุดใหญ่ ระบุ “งบ 68 เหมือนงบเป็ดขี้เหร่ เพราะ ทั้งหลอกสภา ทั้งทำสัดส่วนรายได้สุทธิน้อยกว่าเดิม ทั้งทำงบขาดดุลมากสุดในประวัติศาสตร์ ทั้งจะกู้มากขึ้นตลอดอายุรัฐบาล ทั้งวาดฝัน GDP ฟองสบู่ ทั้งลักไก่งบกู้มาแจกขอเงินเป็นแสนล้านทั้งที่ยังไม่ถามกฤษฎีกาสักคำว่าทำได้หรือไม่ ที่สำคัญก็คือว่า รัฐบาล 2 ปี และกำลังขอ 3.75 ล้านล้าน รวมแล้ว 6-7 ล้านล้าน ผลงานไม่ประทับใจจอร์จ ผลสัมฤทธิ์ของงานที่ปรากฏสวนทางกับตัวเลขงบประมาณที่ขอ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม”

 

โดยในช่วงหนึ่ง“จุรินทร”ยังระบุถึงปัจจัยทางการเมืองที่กระทบ กรณีหุ้นตก ที่ นายกรัฐมนตรีบอกเป็นเพราะการเมืองในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ความจริงร่วงตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาแล้ว จึงขอถามว่า การเมืองปัจจุบันใครทำ ถ้าไม่ใช่รัฐบาลนี้มีส่วนสร้างปัญหาขึ้นมา ทั้ง 1.การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปลี่ยนตัวคน
ใช้งบประมาณ ปรับแบบต่างตอบแทน 1 เป็นต่างตอบแทน 2. หลังปรับรัฐมนตรีออก 3 คน ทำให้นำไปสู่คดีในศาลรัฐธรรมนูญ โดน 40 สว. ทำหน้าที่ในวาระ ถ้าไม่ปรับ ครม. จะถูกร้องเช่นนี้หรือไม่ และยังทำให้เสถียรภาพรัฐมนตรีเหมือนถูกเอาผ้าขาวม้าห้อยไว้ ไม่รู้ว่าจะรอดหรือร่วง

 

เรื่องที่ 2 นายกรัฐมนตรี 2 คน ที่ยังคุกคามตามหลอน ด้อยค่านายกรัฐมนตรีอยู่ และยังลามไปการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลต้องตระหนัก เรื่องที่ 3 พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีผลกระทบต่อการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทยในอนาคตเพราะเป็นสารตั้งต้นไปสู่ความปรองดอง หรือความแตกแยกครั้งใหญ่อีกครั้งหากรวมคดีทุจริตม. 157 และม. 112 เพราะ เสียงบางคนในรัฐบาลเริ่มแปร่ง จะเป็นนิรโทษกรรมอำพรางหรือไม่

 

เช่นเดียวกับ “ต๋อม-ชัยธวัช”จากก้าวไกล ที่ มาในธีมพาดหัวคอนเซ็ปต์งบ68 ว่ามาแบบ “เจ๊งไมว่าเสียหน้าไม่ได้”โดยพุ่งเป้าตวจสอบไปที่อาการ “ดันทุรัง”ที่จะผลักดัน “นโยบายเรือธง-ดิจิทัลวอเล็ต”แม้จะเอาอนาคตประเทศไปเดิมพัน และมีการโยงถึงอาการวิกฤติความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา โดยระบุ ว่า ร่าง พ.ร.บ.งบ68 กำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายสูงมากเป็นประวัติการณ์ 3.7 ล้านล้านบาท โดยเอาเงินมาใช้จ่ายจาก 2 ส่วน มาจากรายได้รัฐบาลและเงินกู้ ซึ่งเป็นการจัดงบประมาณขาดดุลอย่างต่อเนื่องมาหลายปี

 

โดยเนื้อหาการใช้งบไม่มีอะไรใหม่มีแค่เรื่องเดียวคือ ความพยายามที่จะผลักดันที่เรียกว่า “ดันทุรัง”ชนิดที่ว่าเจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ ให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทให้สำเร็จทั้งที่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาทางการคลังเฉพาะหน้าและระยะยาว ภาระการจ่ายหนี้ของภาครัฐจะสูงขึ้น จะสูญเสียพื้นที่ทางการคลังหากเราจำเป็นต้องมีการใช้จ่ายฉุกเฉิน หรือลงทุนภาครัฐขนาดใหญ่อันใกล้

 

“หัวหน้าต๋อม”ยังบอกว่า ที่“เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้” เพราะรัฐบาลชุดนี้ประสบปัญหาวิกฤติความชอบธรรมทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อเข้ามาบริหารประเทศจนถึงวันนี้ ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศและปากท้องของพี่น้องประชาชนได้ดีขึ้น พรรคแกนนำรัฐบาลจึงเหลือความหวังเดียว

 

หากผลักดันดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงที่ได้หาเสียงสำเร็จความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาลจะฟื้นคืนกลับมา แต่ในสภาวะข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจฝืดเคืองประชาชนมีความหวังที่จะได้รับเงินมาประทังชีวิตจับจ่ายใช้สอย ไม่ได้ต้องการรัฐบาลที่จะมุ่งแสวงหาความนิยมจากประชาชนอย่างมักง่ายหรือสายตาสั้น แต่เราต้องการรัฐบาลที่มีเจตจำนงผลักดันรัฐบาลที่ตอบโจทย์ประเทศมากที่สุด ไม่ใช่การตอบโต้ทางการเมืองของพรรคแกนนำรัฐบาล

 

หากสุดท้ายนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่แกนนำรัฐบาลดันทุรังอยู่ไม่ได้ตอบโจทย์ของประเทศ การจัดสรรงบประมาณประจำปี 68 จะเป็นการจัดสรร งบประมาณที่ไม่ได้เอาโจทย์ของประเทศมาเป็นตัวตั้งแต่ เอาโจทย์ของพรรคแกนนำรัฐบาลเป็นตัวเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตทางการเมืองของตนเอง โดยเอาโอกาสและอนาคตของประเทศเป็นเดิมพัน

 

 


 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube