ตกสวรรค์หมู่ ทั้ง “ชาญ พวงเพ็ชร์” และค่ายเพื่อไทย ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ที่แม้ผลเลือกตั้งชิงเมืองปทุมธานี ลุงชาญ จะเข้าวินแบบต้องถ่ายรูปตัดสิน แต่ดื่มฉลองยังไม่ทันหมดแก้ว ฟ้าผ่าทันควัน
หลังถูกขุดคุ้ยคดีค้างเก่าอยู่ในชั้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 โดยเป็นคดีเมื่อครั้งเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อปี 2554 ต่อมาเลขาฯ กฤษฎีกาช่วยย้ำหัวหมุดว่า “ลุงชาญ ” ยังปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.ปทุมธานีไม่ได้ เหตุติดคำสั่งศาลให้ยุติปฏิบัติหน้าที่
ด้านต้นสังกัด “ค่ายเพื่อไทย”เห็นว่า นายชาญ ยังมีสิทธิ์ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.ปทุมธานีอยู่ โดยเบอร์2 ทำเนียบอย่างเสี่ยอ้วนภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ระบุชัดว่า “ความเห็นกฤษฎีกาที่บอกว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ เป็นความคิดเห็นทางกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติ ชาญจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องให้ศาลเป็นคนสั่ง ไม่ใช่เป็นไปตามอัตโนมัติตามที่กังวลใจกันอยู่ ชาญยังมีสิทธิ์ เนื่องจากตอนมาสมัครก็ไม่ได้ขาดคุณสมบัติอะไร “
ขณะที่ “สรวงศ์ เทียนทอง” สส.จังหวัดสระแก้ว ฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยได้มีการตรวจสอบข้อมูลเรื่องดังกล่าวแล้ว มีความเห็นว่าเรื่องนี้ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ฟ้อง ในขณะที่ศาลประทับรับฟ้อง ชาญไม่มีตำแหน่งหน้าที่ จึงไม่มีกรณีที่ต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาล ถ้าจะต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ป.ป.ช. ที่เป็นโจทก์ต้องยื่นคำร้องต่อศาล”
ส่วนฝ่ายปฏิบัติงานอย่าง นายป้องปราการ โสธรเทวาพิทักษ์ ผอ. กกต.ปทุมธานี แจงว่า ตรวจสอบแล้ว “ลุงชาญ” ไม่ได้ขาดคุณสมบัติและไม่ได้มีลักษณะต้องห้าม ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 สามารถสมัครเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้ ส่วนเรื่องคดีทุจริตยังอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีซึ่งมี 3 ศาล และยังไม่มีผลชี้ขาด ส่วนอำนาจสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้มีอำนาจกำกับดูแลจังหวัด
จากกรณีของลุงชาญ ทำให้นึกย้อนไปถึงกรณี “พิชิต ชื่นบาน “จากหัวหน้าทีมทนายความตระกูล ‘ชินวัตร’ ก้าวมาสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีใน ครม. เศรษฐา แต่ด้วยปมร้อนฉ่าอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำคุก 6 เดือน จากคดีถุงขนมใส่เงินสด 2 ล้านบาทมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการศาล ที่เหมือนเป็นเงาตามตัวมามากกว่า 10 ปี ทำให้พิชิต ถูกค้านแบบรอบด้าน และแม้เจ้าตัวและฝ่ายกฏหมายของค่ายเพื่อไทยจะยืนยันนอนยันว่าผ่านฉลุยแน่นอน
แต่ทว่า สว. จำนวน 40 คนได้เข้าชื่อกันร้องต่อประธานวุฒิสภา เมื่อ 15 พ.ค. เนื่องจากเห็นว่านายเศรษฐาใช้อำนาจนายกฯ ในการแต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ กรณีเคยรับโทษจำคุกมาก่อนต่อมา 16 พ.ค. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ “รับคำร้องก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ พิชิต ทำหน้าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้ 23วัน เขาจึงยอมลาออกจากตำแหน่ง
น่าสงเกตุว่า ทั้ง 2 กรณี พิชิต และลุงชาญ ที่แม้จะใช้มือกฏหมายของพรรคร่อนตะแกรงละเอียดยิบ ถึงคุณสมบัติของบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งสำคัญ แต่ยังพลาด ถูกถล่มจนเสียรังวัดไปแบบน่าเสียดาย หรือจะเป็นในโครงการแจกหมื่นบาทผ่าน Digital Wallet ที่สลับซับซ้อน ทั้งวีธีการ ทั้งแหล่งที่มาของเงิน และอื่นๆอีกมากมาย มีคนคัดค้ายโครงการนี้มากมาย ล่าสุดมีคนไปยื่นฟ้อง ‘ศาลปกครองกลาง’ เบรคแจกเงิน ‘ดิจิทัลวอลเลต’ ขัดรัฐธรรมนูญ-ขัดกฎหมายหลายฉบับ
อย่างไรก็ตาม จากกรณี พิชิต และลุงชาญ น่าจะถึงเวลาที่ ทีมกฏหมายค่ายเพื่อไทย ต้องสังคายนาครั้งใหญ่เสียที มิฉะนั้นอาจจะเพลี่ยงพล้ำซ้ำแลัวซ้ำเล่าเหมือนที่ผ่านมานั้นเอง!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews