อีก 1 เดือนกว่าๆ ก็จะครบ 1 ปี รัฐบาลของ “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” ที่มีผลงานลุ่มๆ ดอนๆ หนักไปทางนามธรรม นโยบายหลักๆ ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะดิจิทัล วอลเล็ตที่ขายฝันมาตั้งแต่ต้น 1 ปีผ่านไป
ประชาชนยังไม่ได้ใช้ มีแต่ออกข่าวไปวันวันๆ ว่าจะได้วันโน้น วันนั้น แต่ตัวงบประมาณ 5 แสนล้าน ยังไม่ชัดเจนเลย ซอฟพาเวอร์ ก็ปังบ้าง พังบ้างสลับกันไป แต่ที่เห็นได้ชัด คือเกมการเมือง ที่มีการต่อรองผลประโยชน์กันตลอดเวลา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อนาคตเก้าอี้นายกฯของ”เศรษฐา” เพราะใกล้ครบ 1 ปี ก็ใกล้จะมีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีถอดถอนที่ 40 สว. ยื่นฟ้องกรณีแต่งตั้ง”พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรี ก่อนรัฐมนตรีเจ้าปัญหา จะชิ่งหนีด้วยการลาออก ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาคดีอีกครั้ง 10 ก.ค.นี้ และหลังจากนั้น ก็อาจจะนัดวันอ่านคำวินิจฉัยหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ก็สุดแต่ดุลพินิจของศาล
ส่วนจะรอดหรือไม่รอดในคดีนี้ หลายคนมั่นใจว่ารอดแน่ เพราะได้ “วิษณุ เครืองาม” บิดาแห่งข้อยกเว้นมาเป็นกุนซือช่วยแก้ต่างแล้ว แต่ตราบใดยังไม่มีคำวินิจฉัยออกมา อนาคตของนายกฯเศรษฐา ก็ยังคลุมเครือ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างที่หลายคนคาดหวัง
ต่อด้วยผู้อกหัก ชนะเลือกตั้งแต่แพ้โหวตนายกฯ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” รอดพ้นจากข้อครหาคุณสมบัติถือหุ้นสื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีลุ้นรีเทิร์นตำแหน่งผู้ท้าชิงหาก”เศรษฐา” ประสบอุบัติเหตุทางการเมือง
เพราะนอกจากคดีในศาลรัฐธรรมนูญแล้ว นายกฯจากพรรคเพื่อไทย ยังสุ่มเสี่ยงโดน ปปช. เล่นงานจากกรณี “บิ๊กโจ๊ก” ยื่นฟ้อง ผิด 157 แต่งตั้ง ผบ.ตร. หรืออาจจะมีเด้ง 2 ที่ศาลปกครองในประเด็นสั่งออกจากราชการไว้ก่อนด้วย แต่ตัว “พิธา” ก็ต้องลุ้นผ่านมรสุมยุบพรรคก้าวไกล ให้ได้ก่อน
คดียุบพรรคก้าวไกลข้อหาล้มล้างการปกครอง เดินทางมาไกลมากแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ นัดคู่กรณีตรวจหลักฐาน 9 กค.นี้ และนัดพิจารณาไต่สวนอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจะเป็นการไต่ส่วนัดสุดท้ายก่อนมีคำสั่งนัดอ่านคำวินิจฉัย หากไม่มีการยื้อเวลา ขอพยานหลักฐานใดๆเพิ่มอีก
แม้คนในพรรคมั่นใจว่าจะรอด แต่คนกันเองที่เป็นสมาชิกพรรคไม่ได้อย่าง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” กลับบอกว่า หากโดนยุบน่าจะมีการเตรียมพรรคสำรองไว้แล้ว แต่หากรอดมา “พิธา” ก็จะกลับมามีลุ้นอีกรอบทันที
อีกทั้งรอยนี้ไม่ต้องง้อเสียงสว.แล้ว ขณะอีก 1 พรรคที่อยู่ในข่ายต้องลุ้น และสุ่มเสี่ยงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน คือ ภูมิใจไทย ของ “อนุทิน ชาญวีรกุล” ที่อยู่ดีๆ ก็มีพลังแฝงตีบวกแบบไม่มีใครคาดคิด จากการได้ สว.น้ำเงิน จ่อเข้าสภาเกิน 50 % แม้เจ้าตัวจะบอกว่า “หนูไม่รู้” สั่งห้ามคนของพรรคยุงเกี่ยวแล้วก็ตาม
แต่เมื่อได้มาแล้ว มันก็ทำให้หลายฝ่ายตีความไปหลายทิศทาง แต่ถึงอย่างนั้นภูมิใจไทย ก็ยังขยับเขยื้อนลำบาก เพราะคดีรับเงินบริจาค ที่มีความเชื่อมโยงกับบริษัท ที่ อดีตเลขาธิการพรรคซุกหุ้น ยังอยู่ในมือ กกต. การได้ สว.มาเกือบครึ่งสภา จะมีผลอะไรหรือไม่ ยังตอบยาก แต่อำนาจของ สว.นั้นน่าสนใจ
แม้โหวตนายกฯไม่ได้แล้ว แต่การรับรองบุคคลนั่งองค์กรอิสระ ก็อาจส่งผลต่อทิศทางการเมืองได้เช่นกัน ดังนั้นเวลานี้ เมื่อคดียังไม่ถึงชั้นศาล “อนุทิน” ในฐานะพรรคร่วม อาจต้องประคองตัวไม่ให้เปลืองเนื้อ เปลืองตัวจนเกินงาม หรือไปขวางทางใคร เช่นการไม่ออกตัวเรื่องนายกฯ “อบจ.ปทุมธานี” สักเท่าไหร่นัก
ก็เป็นตัวอย่างชั้นดี ว่าอยู่เป็น คอยเป็นตาอยู่ ในฐานะพรรคอันดับ 3 แบบนี้ มันมีคุณค่า สมราคาเสมอ จะไม่ถูกมองข้าม ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เปลี่ยนขั้ว พลิกข้างเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม เพราะ”อนุทิน” และพรรคภูมิใจไทย ที่ได้ สว.สีน้ำเงินมามากที่สุด จะช่วยหนุนให้จะสามารถต่อรองยื้อเกมชีวิต เกมการเมืองสมัยนี้ ที่หลายคนมองว่า การเมืองคือการค่อรองผลประโยชน์ ได้ตลอดรอดฝั่งแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews