Home
|
การเงิน

ล้มสว.ใหม่-ไล่เศรษฐา-ล่มเงินดิจิทัล

ยังเป็นปัญหา นำมาสู่ อาการ ติดขัดเดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังไม่ได้ ในการขับเคลื่อนความเชื่อมมั่นทางการเมืองไม่ให้กระทบการบริหารบ้านเมือง อันส่งผลกระทบไปยัง “องคพายพอำนาจ”ทั้งในส่วนของ ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ องค์กรอิสระ

 

 

 

 

ไม่นับรวม ฝ่ายกระบวนการยุติธรรมที่ยังคาราคาซังปัญหา “ศึกบิ๊กตำรวจ”และปม “คนชั้น14”อย่างที่ปรากฎกับอาการ “สว.ชุดใหม่”ที่ถูกวิจารณ์ “สว.สีน้ำเงิน” ที่ได้รับการเลือกมาแต่เกิดปัญหาทั้งความผิดปกติ ในกระบวนการเลือกทั้งความ“ไม่ตรงปก” จน “สว.ชุดเก่า”ที่ยังคง “รักษาการสว.”จนกว่า กกต.จะ “รับรองสว.ชุดใหม่”เข้าปฏิบัติหน้าที่ใน “สภาสูง”ต้องลุกขึ้นมา “ตรวจสอบ”ถอดบทเรียนวันนี้ ที่หากไม่นับรวม เรื่อง“ดาร์ม่า” “สว.ใหม่”ไล่“สว.เก่า” เก็บของจนมีเคืองถูก “สว.สมชาย”ตอกกลับ เป็นแค่ “ว่าที่”อย่าลำพอง

 

 

โดยใน “ไส้ใน”ของการมาของ “สว.ชุดใหม่”ถูกวิเคราะห์ เป็นปมปัญหาที่ กกต.ยังไม่กล้ารับรองไปสอยที่หลังแบบที่ผ่านมา เช่นเดียวกับเคส การเลือกตั้งท้องถิ่นกรณี“ลุงชาญ”ที่ “พรรคเพื่อไทย”และ “ทักษิณ”สนับสนุนจนชนะเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ปทุม ที่ก็ยังถูกคาการรับรองผลเลือกตั้งจาก กกต. เพราะติดปัญหาคดี โดย “ว่าที่ สว.ใหม่”สายสีน้ำเงิน

 

 

ที่มาจากหลากหลายอาชีพ ถูกมองเชื่อมโยง “ความสำคัญ”และการคาดหวัง ในการไปเลือก “กรรมการในองค์กรอิสระ”ที่สำคัญหลายองค์กรที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในห้วง1-2เดือน ทั้ง ปปช.และ ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ทำให้การขยับของ “สว.เก่า”ที่กลับมาทำหน้าที่ประชุมทั้งที่ถ่ายรูปหมู่ลากันไปแล้ว ถูกจับตาคล้ายครั้งที่ “สว.วันชัย”เคยออกมาแฉ “ขบวนการ3ล้ม”ช่วงก่อนเลือกสว.คือ 1.ล้มเศรษฐา เซตซีโร่อำนาจ เริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ตัวเองจะได้เข้ามามีอำนาจในครั้งใหม่นี้ 2.ล้มก้าวไกลเพื่อ “ช้อนซื้องูเห่า” และ 3.ล้มกระดานเลือกสว. เพื่อ “สว.เก่า”จะรักษาการต่อไป

 

 

น่าสนใจว่าในส่วนของการ “ล้มเศรษฐา”นั้นไม่นับรวม “คดีความติดตัว”ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆไม่แต่ “คดีถอดถอนนายก”ที่ไปตั้ง “ทนายถุงขนม”ที่จ่อๆที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเคาะในเดือนนี้ กับล่าสุดที่ “บิ๊กโจ๊ก”ไปร้องเอาผิดกับ ปปช. มีความเชื่อมโยงถึง “สัญญาน”การใช้บริการ “ทักษิณ”ของ “ฝ่ายอำนาจ”ที่ “ทักษิณ”ถูกมองว่า

 

 

“สิ้นมนต์ขลัง”แม้จะเหลือเวลาถึง22ส.ค.จะพ้นโทษ แต่ก็ยังมีชนักปักจาก “คดี112”และอาการ “งานงอก”ล่าสุดจากที่ “ป๊าเสรี”ออกมา “เปิดลับ”เรื่องที่เกิดขึ้นบน “ชั้น14”ที่กำลังถูก “โจทย์เก่า”รมถึง คปท.จ้อง “ขยายผล”ไม่นับรวม “อาการท่าที”ภายใน “พรรคร่วมรัฐบาล”อย่าง “เสี่ยหนู-ภูมิใจไทย”หรือ “พลังประชารัฐ”ของ “ลุงป้อม” ที่ปัญหาเถียรภาพในรัฐบาลถูกมองจะส่งผลกระทบกับการพิจารณาผ่านกฎหมายสำคัญทั้งในชั้น ครม.และชั้นของสภา

 

 

 

ที่นอกจากปมคดีที่มีผลกระทบทางการเมืองและในทางอำนาจการบริหารกับตัว “นายกเศรษฐา”ยังมีเคสที่เกี่ยวข้องและอาจส่งผลกระทบกับรัฐบาล กับ ปม “นโยบายเรือธง“แจกเงินเงินดิจิทัล”ที่มีการออกมาบอก“ไทม์ไลน์”ล่าสุดของ “เผ่าภูมิ”รมช.คลัง และ “นายกฯเศรษฐา”ว่าประชาชนจะได้ลงทะเบียนกันในไตรมาส3 เพื่อรับเงินในไตรมาส4

 

 

โดยมี “ไทม์ไลน”วันที่ 10 ก.ค. จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อสรุปเงื่อนไขทั้งหมด 15 ก.ค. คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ชุดใหญ่ที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะมีการประชุม 24 ก.ค.นายกฯจะแถลงข่าวสรุปโครงการรวมถึงขั้นตอนการลงทะเบียนและยืนยันตัวตน และ 30 ก.ค. นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่น่าสนใจคือปม “เอาเงินมาจากไหน”ก็ยังถูกมองว่ามีปัญหา อย่างที่มีการยอมรับว่าจะมีการหารือกฤษฎีกาหลัง30ก.ค.และหาก

 

 

สุดท้ายกฤษฎีกาตีความว่าการนำเงินมาใช้ขัดวัตถุประสงค์ ธ.ก.ส. มีแผนสำรองไว้หรือไม่ หรือจะจ่ายเฉพาะวงเงินที่มีรมช.คลัง“เผ่าภูมิ” บอกว่า มีแผน 2 แผน 3 อยู่แล้ว แต่จะเดินในแผน 1 ก่อนและย้ำว่า การลงทะเบียนยืนยันตัวตนจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3 ยืนยันว่าเงินจะถึงมือประชาชนไตรมาส 4 ส่วนจะได้วันใดนั้นขอยังไม่ระบุเพื่อความยืดหยุ่น.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube