เช็กพลังบวกหนุนเศรษฐกิจไทย หลังนโยบายรับเงินหมื่น Digital Wallet มีความชัดเจน เพราะล่าสุดคณะอนุกรรมการนโยบาย Digital Wallet ได้มีข้อสรุปเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายเรือธงของรัฐบาลเพื่อไทยแล้ว คือ
1.ตัดลดงบ 5 แสนล้านบาท เหลือ 4.5 แสนล้านบาท และไม่ใช้งบจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยใช้งบประมาณปี 2567 และ 2568
2.เพิ่มกลุ่มสินค้าที่ห้ามนำเงินดิจิตอลไปใช้สิทธิ์ในกลุ่มสินค้านำเข้า เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ มือถือ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่ระบุถึงประเด็นใช้ในร้านสะดวกซื้อ โดยคณะกรรมการชุดใหญ่จะมีการประชุมกันในวันที่ 15 ก.ค. ตามด้วยการแถลงรายละเอียดของโครงการโดยนายกรัฐมนตรี วันที่ 24 ก.ค. หลังจากนั้นวันที่ 30 ก.ค. คณะกรรมการนำเสนอโครงการ Digital Wallet ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบรายละเอียดต่อไป
อย่างไรก็ตาม การลดงบ Digital Wallet ดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง “นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล” เชื่อว่า ในภาพรวม Digital Wallet ยังช่วยกระตุ้น GDP ได้ 1.3-1.8% ของ GDP ทั้งปี
ขณะที่ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส มองความเคลื่อนไหวดังกล่าวกำลังสะท้อนว่า โครงการ Digital Wallet ยังคงเดินหน้าต่อไป และน่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงินหมุนเวียนได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 จึง คาดหวังว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล หนุนให้ GDP ไทยโตได้เฉลี่ยอย่างน้อย 2.8% และมีโอกาสแตะระดับ 3-4% ได้
ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐผ่านการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 วงเงิน 3.60 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการลงทุน หลังการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 มีความ ล่าช้าไปกว่า 7 เดือน และหลังจากงบปี 2567 อนุมัติเรียบร้อย ฝ่ายวิจัย มองว่า ก็ทำให้เห็นการเร่งเบิกจ่ายที่มากขึ้นอย่างชัดเจน
ซึ่งการเบิกจ่ายที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะมีการอนุมัติเบิกจ่าย อยู่ที่ประมาณ 14.6% ของงบทั้งหมด แต่ข้อมูลล่าสุด ช่วงต้นเดือน ก.ค.2567 พบว่ามี การเบิกจ่ายไปแล้ว ราว 37.8% ซึ่งค่อยๆ ขยับขึ้นใกล้สัดส่วนของปี 2566 ซึ่งน่าจะเห็น การเร่งเบิกจ่ายที่เร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
ด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นอีกหนึ่งพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 1-7 ก.ค. มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 705,256 คน เพิ่มขึ้น 27% ซึ่งคิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 100,751 คน ส่วนตัวเลขสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-7 ก.ค. 2567 มีนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 18,206,539 คน เพิ่มขึ้น 35%
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) มอง ปัจจัยหนุนที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพราะมีหลาย event ที่ช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวได้ดี โดยประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเฉลี่ยต่อสัปดาห์จะเร่งตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วงสัปดาห์ ที่ระดับ 1.3-1.4 แสนต่อสัปดาห์ได้ต่อเนื่อง จากการท่องเที่ยวตามรอยลิซ่า รวมถึงการเริ่มเข้าสู่ช่วง Summer holiday ของตลาดภูมิภาคยุโรป และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งเดือน ก.ค. จะแตะที่ระดับ 2.8-2.85 ล้านคน
ดังนั้น จึงคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปีนี้จะอยู่ที่ 34 ล้านคน เพิ่มขึ้น 21% YoY และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 6.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 84% YoY
ขณะที่ “รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ” ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ และ อาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นเรื่องเศรษฐกิจไทย ว่า จีดีพีไทยขยายตัวเกิน 4% มีความเป็นไปได้
หากปฏิรูปเศรษฐกิจสร้างฐานรายได้ใหม่ได้ตามเป้าหมาย การออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ Soft Loan ใหม่ บวกการเร่งใช้จ่ายงบลงทุน งบประมาณปี 2567 ให้เบิกจ่ายในระดับ 70-75% จะช่วยขยับการลงทุนเอกชนปีนี้โตแตะ 3.5% ได้จากคาดการณ์ไว้เดิมที่ 3.2%
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพราะทุกการขยับ ย่อมหมายถึงการเติบโตของจีดีพี ที่พร้อมจะเชื่อมโยงไปกับความเชื่อมั่น ในการบริหารประเทศของรัฐบาลเพื่อไทยนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews