ปม “สว.หมอเกศ” ยังร้อนแรงต่อเนื่อง ล่าสุดในเฟซบุ๊กของหมอเกศ ถอดคำนำหน้าว่า ดร.ออกไปแล้ว เหลือแค่แพทย์หญิง และช่วงที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง
อย่างหน่วยงานแรก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ออกมาแจงปมที่มีการะบุ ว่า นิด้า ติวเข้มการนำเสนอหัวข้อวิจัยดุษฎีนิพนธ์ นั้นทาง นิด้า แจงว่า “บุคคลที่ปรากฏในข่าว มิได้กำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก หรือจบการศึกษาในระดับปริญญาเอก จากนิด้า”
หน่วยงานต่อมา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จากกรณีที่มีการระบุไว้ในใบสมัครว่าจบปริญญาเอก สาขาวิชาการจัดการและพัฒนาทรัพยากร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นั้น ทางประธานกรรมการผู้รับผิดชอบหลักสูตร แจงสถานะปริญญาเอกของ “หมอเกศ”ยืนยันว่าลงเรียนจริง แต่ยอมรับไม่ค่อยสบายใจ ก่อนหน้านี้เคยแจ้งให้เพิ่มข้อความว่า “อยู่ระหว่างการศึกษา” ไปแล้ว เพราะอาจทำให้เกิดความสับสน แต่”หมอเกศ”บอกว่าตัวเธอไม่ได้ไปบอกใครแบบนี้ แต่เป็นสื่อที่นำไปเผยแพร่กันเอง
หน่วยงานต่อมา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จากกรณีข่าวหมอเกศ จะได้เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และมีโอกาสได้ตำแหน่งศาสตราจารย์นั้น ทางมหาวิทยาลัยขอยืนยันว่าภาพดังกล่าวเป็นเพียงการร่วมซ้อมฝึกอบรมดับเพลิงเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 โดย พญ.เกศกมลมาในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจเท่านั้น ไม่เคยเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยและไม่เคยยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการใดๆ ผ่านทางมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด
หน่วยงานต่อมา คือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมโดย นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวง ระบุว่า กรณีที่มีผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ หากต้องการเทียบคุณวุฒิ จะต้องขอเทียบคุณวุฒิที่กระทรวง อว. ว่าสามารถเทียบได้กับการจบการศึกษาในระดับใดในประเทศไทย ซึ่งสำหรับ California University กระทรวง อว. ยังไม่เคยมีการรับรองการเทียบคุณวุฒิของสถาบันนี้แต่อย่างใด
หน่วยงานต่อมา คือ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ.ที่ถูกอ้างรับรองวุฒิการศึกษา ได้ออกมาชี้แจงว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่พบ มีส่วนราชการใดส่งข้อมูลของผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาดังกล่าวให้สำนักงานก.พ.พิจารณารับรองคุณวุฒิ เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือน ส่วนที่นำมาแสดงระบุว่า สำนักงานก.พ.รับรองคุณวุฒิสถาบันการศึกษา CaliforniaUniversityที่ปรากฏในสื่อ มิใช่ข้อมูลของสำนักงานก.พ.แต่อย่างใด
ขณะหน่วยงานหลักที่สำคัญที่สุดอย่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ที่กำลังเร่งตรวจสอบในข้อหาหนัก ปมใช้ใบเอกสารแนะนำตัวสมาชิกวุฒิสภา เข้าข่ายเป็นการกระทำหลอกลวง จูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณ เพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่ตนหรือไม่ และมีบทลงโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
ส่วนคนดังอย่าง “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีตกกต.เฟซบุ๊ก เตือน “หมอเกศ” เสี่ยงโดนใบแดงและมีโทษอาญา ปมคุณสมบัติเท็จของวุฒิการศึกษาลงสมัคร ส.ว. ส่วน อาจารย์พิเศษ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ไล่ไทม์ไลน์เฟซบุ๊ก “หมอเกศ” พบจบปริญญาแบบพุ่งพรวดจาก พญ. กระโดดเป็น “สว.ศ.ดร.พญ.” ใน 3 ปี นี่คนหรือยอดมนุษย์ ส่วน รองศาสตราจารย์ ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด ส่งทีมกฎหมาย งัดหลักฐานเข้าสู้ ลุยฟ้อง ‘ทีมหมอเกศ’ ชี้! ทำวงวิชาการไทยปั่นป่วน
ขณะที่”ทนายเดชา” ทนายของหมอเกศ ลั่น” ผมไม่เคยบอกว่าคุณหมอถูกหรือผิดนะ เราเป็นทนายความเราก็มีหน้าที่ให้คำปรึกษาทางกฎหมายแค่นั้นเอง เต็มที่เลยครับ อยากให้ตรวจสอบเต็มที่เลย ใครอยากจะแสดงความคิดเห็นอะไรเอาให้สุดเลย พอสุดแล้วเดี๋ยวเราก็จะเริ่มกระบวนการของเรา”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews