Home
|
ข่าว

วันชี้ชะตา “โจ๊ก” สายมู! ส่อง “พระดัง” ห้อยคอ

 

 

 

 

ลุ้นระทึกอีกครั้งวันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2567 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ลงมติ ชี้ชะตา”บิ๊กโจ๊ก”สายมู หลังเปลี่ยนชื่อเป็น เพิ่ม “ช.” เพื่อสิริมงคล

 

 

 

 

เพื่อหวังผลในกรณีอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการชั่วคราวที่ลงนามโดยบิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขณะที่ดำรงแหน่งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

 

ซึ่งวันก่อนที่”บิ๊กโจ๊ก”มาให้ถ้อยคำด้วยวาจา ยืนยันไม่หนักใจหรือกังวลแต่อย่างใด พร้อมระบุว่า”น้อมรับผลการวินิจฉัย แต่หากผลเป็นลบหลังจากนี้ก็จะใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสถานะการเป็นตำรวจ และพิจารณาเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากข้าราชการไว้ก่อน

 

โดยจะฟ้องร้องในทุกประเด็นตามที่กฎหมายให้สิทธิ์ แต่ถ้าผลออกมาในทิศทางบวกตนเองก็จะสามารถกลับไปรับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ และจะไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับใครทั้งสิ้นตามที่ได้เคยกล่าววาจาไว้ก่อนหน้านี้”

 

ขณะที่”บิ๊กต่าย”ยืนยัน สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงและคำสั่งให้ออกจากราชการก่อน ได้กระทำไปโดยสุจริตใจ ไม่มีอคติและไม่ได้หวังผลประโยชน์เพื่อตนเอง แต่ทำเพื่อรักษาประโยชน์ขององค์กร และความถูกต้องชอบธรรม

 

โดยยึดหลักกฎหมายและหลักนิติธรรมในการพิจารณา นำข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีพิจารณาร่วมกับฝ่ายกฎหมายและฝ่ายวินัยได้เสนอความเห็นขึ้นมาด้วย ซึ่งได้ยื่นเอกสารไปก่อนหน้านี้แล้ว”

 

โดยปมร้อนนี้ มาจาก”บิ๊กต่าย” เซ็นคำสั่งให้”บิ๊กโจ๊ก”ออกราชการ เหตุถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาพัวพันเว็บพนันออนไลน์ ถูกสั่งตั้งคณะกรรมการสอบ แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาชุดที่ 2 เห็นว่าทำผิดขั้นตอน การสั่งให้พ้นราชการต้องฟังผลสอบก่อนตามมาตรา 120 ดังนั้น ซึ่งถ้าคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจชี้ว่าคำสั่งให้ออกถูกต้องแล้ว มีแนวโน้มว่านายกฯนำความกราบบังคับทูลให้”บิ๊กโจ๊กพ้นราชการเลย

 

ทั้งนี้ “บิ๊กโจ๊ก” เป็นสายมูตัวจริง มักชอบทำบุญ ทำพิธีกรรม ไปวัดวาอาราม ไปถวายสังฆทานยังวัดต่างๆทุกทิศทั่วไทย โดยเฉพาะวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ย่านเขตพระนคร เนื่องจากชื่อวัดเป็นมงคลด้านการเอาชนะคู่ต่อสู้ยามมีปัญหาขัดแย้งกับผู้อื่น อีกทั้งยังทำพิธีมหาอุตม์ที่ วัดบางยี่ขัน ย่านบางพลัด และยังเคยไป อาบน้ำแสงจันทร์ ที่วัดหงษ์รัตนารามราชวรวิหาร และยังมีวัดบึงกระดาน ต.บ้านป่า อ.เมืองพิษณุโลก ที่”บิ๊กโจ๊ก”เคยมาสะเดาะเคราะห์ อีกด้วย

 

ทาง”บิ๊กโจ๊ก”เคยให้สัมภาษณ์กับข่าวสดออนไลน์ ว่าพระเครื่องที่ห้อยคอ คือหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน ปี 2506 วัดประสาทบุญญาวาส เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ที่ปลุกเสกโดย พระอาจารย์ทิม เจ้าอาวาสวัดช้างไห้ ซึ่งพระเครื่ององค์นี้ เป็นวัตถุคลที่ได้รับการยอมรับจากนักสะสมพระโดยถ้วนหน้า เนื่องด้วยสุดยอดในเรื่องมวลสาร มีเจตนาการสร้างอันบริสุทธิ์ และพิธีกรรมการปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ มีพระเกจิคณาจารย์ผู้ทรงพุทธาคมชื่อดังในยุคนั้นร่วมปลุกเสกมากถึง 234 รูป

 

ส่วนองค์ที่”บิ๊กโจ๊ก” พกติดตัวกลัดไว้ที่เสื้อด้านใน นั้นคือ พระยอดธงสมัยอยุธยา กรุ “วัดไก่เตี้ย”ปทุมธานี ซึ่งทาง”บิ๊กโจ๊ก”บอกว่าตัวเขารับราชการตำรวจจึงนับถือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยจะมีพระยอดธงเป็นองค์นำชัย เวลาออกไปทำงาน แคล้วคลาดปลอดภัยมาตลอด

 

ทั้งนี้พระยอดธง ตามความเชื่อโบราณถือว่าเป็นพระที่ใช้ติดไว้บนยอดธง ที่ไว้นำทัพในการออกศึกสงคราม และพระยอดธงสมัยอยุธยา ที่มีชื่อเสียงที่สุดได้แก่กรุ “วัดไก่เตี้ย”ที่อยู่ติดตัว”บิ๊กโจ๊ก”นั้นเอง

 

นอกจากนี้แล้ว ยังมีพระเครื่องที่ บิ๊กโจ๊กบูชาอีกหลายองค์ เช่น”เหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์” ไม่เท่านั้น บิ๊กโจ๊ก และบิ๊กแป๊ะพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เคยร่วมสร้าง หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่น “เจริญลาภ แคล้วคลาด ปราบไพรี ทวียศ”อีกด้วย

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube