Home
|
ข่าว

“รัฐอิ๊งค์” ไม่ตระบัดสัตย์! “1 หมื่น” สดหรือแบ่งจ่าย?

 

 

 

 

 

จับตา สัญญาประชาคม ของรัฐบาลในวันแถลงนโยบาย เกี่ยวกับ นโยบายเรือธง รัฐบาลเพื่อไทยที่คนสนใจและติดตามมากที่สุดอย่าง Digital Wallet 1 หมื่นบาท

 

 

 

 

โดย เสี่ยอ้วน ภูมิธรรม รองนายกฯและรมว.กลาโหมให้คำมั่นจะเสนอโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เข้าที่ประชุมครม. ที่มี แพทองธาร นายกรัฐมนตรี ประธานในวันที่ 17 ก.ย.67 เพื่อขออนุมัติทันที เพื่อเร่งจ่ายเงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็วที่สุดภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ ก้อนแรก 1.4 แสนล้านบาท

 

เสี่ยอ้วน ภูมิธรรม ย้ำจะจ่ายเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีโดยตรงให้กับผู้มีสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการก่อน กว่า 14 ล้านคน จะใช้ที่ไหนก็ได้ ซื้อสินค้าอะไรก็ได้ ไม่มีสินค้าต้องห้าม ส่วนที่เหลือจะเป็นการจ่ายเงินแก่ผู้ลงทะเบียน และผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ จะได้รับเงินแบ่งเป็น 2 รอบ รอบแรก หากระบบเสร็จไม่ทันจะได้รับเงินสดภายในสิ้นปีนี้ก่อน 5,000 บาท แต่หากเสร็จทันจะได้เป็น ดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนที่เหลืออีก 5,000 บาทจะจ่ายให้ในปีหน้า

 

สำหรับนโยบายเรือธง ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นั้น ค่ายเพื่อไทย ใช้หาเสียง ว่าหลังเลือกตั้ง 2566 ทำทันที ต่อมา’เศรษฐา ทวีสิน’ อยู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ 11 เดือน พ้นจากตำแหน่งไป กระเป๋าประชาชนยังว่าเปล่า ต่อมา เศรษฐา สะดุดล้มปมจริยธรรม ทำให้ลูกสาวบิ๊กบอสขึ้นอำนาจแทน กระทั่งได้รัฐบาลใหม่ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรีคนที่31 เข้ามาสานงานต่อ และได้ฤกษ์ แจกจริง แจกแน่นอน กลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน ภายในเดือนกันยายน2567 นี้

 

ขณะที่นายกฯอิ๊งค์ มั่นใจแจกเงินหมื่นเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ เป้าหมายของเราในการทำดิจิทัลวอลเล็ตนั่นคือกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบหากกระตุ้นไม่พอ เรายังพร้อมที่จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในแบบดิจิทัลด้วย แต่ว่ามันมาช้ากว่า แต่เศรษฐกิจต้องถูกกระตุ้นก่อน

 

เราทำอันนี้เสร็จไม่ใช่มีแค่นโยบายเดียว เรามีอีกหลายอันที่สามารถเศรษฐกิจได้ แต่อันนี้เป็นอันหลัก เร่งด่วนและเห็นผลทันทีจึงอยากรีบทำ และรอความชัดเจนแบ่งจ่ายหรือไม่จาก รมว.คลัง ในวันแถลงนโยบาย

 

ส่วนฝ่านค้านอย่างหญิงไหม- ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุการแบ่งจ่ายนั้น เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ เพราะจนงบประมาณปี 68 ผ่านทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไปแล้ว รัฐบาลยังไม่สามารถหาแหล่งที่มางบประมาณมาจากไหนที่จะแจกประชาชน 30 ล้านคนได้ เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ 187,700 ล้านบาท เพียงพอแจกเพียง 19 ล้านคน เปรียบจากพายุหมุนทางเศรษฐกิจ อาจกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ

 

บีบีซีไทย รายงานว่าโครงการแจกเงินหมื่นก่อเกิดท่ามกลางเสียงวิจารณ์-คัดค้าน-ต่อต้านจากผู้คนหลากหลายแวดวง ทักท้วงทั้งกระบวนการ ไล่ตั้งแต่ วิธีคิด “กู้มาแจก”, วิธีทำ “แจกเป็นเงินดิจิทัล แทนที่จะให้เป็นเงินสด” และเงื่อนไขร้านค้าที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ากีดกันพ่อค้ารายย่อย-ร้านโชว์ห่วยที่ไม่อยู่ในระบบภาษี และหนุนส่งร้านสะดวกซื้อของเจ้าสัว, วิธีวัดความคุ้มค่าว่าจะก่อเกิด “พายุหมุนเศรษฐกิจ” หรือ “พายุหนี้” กันแน่ ฯลฯ แต่รัฐบาลยืนกรานว่าจะดำเนินการตามแนวทางเดิม

 

บีบีซีไทย รายงานต่อว่า แนวทางขับเคลื่อนนโยบายแจกเงินหมื่นจึงเดินมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อ ทักษิณ อดีตนายกฯ คนที่ 23 ผู้เป็นบิดาของนายกฯ คนที่ 31 คือคนแรก ๆ ที่ออกมาพูดต่อสาธารณะบนเวทีดินเนอร์ทอล์กของเครือเนชั่นเมื่อ 22 ส.ค. ถึงการเปลี่ยนรูปแบบมาแจกเงินสดให้กลุ่มเปราะบางและผู้พิการรวม 14.5 ล้านคน “เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเบื้องต้น แสนกว่าล้านเดือน ก.ย.” ส่วนคนที่ลงทะเบียนไว้เกือบ 30 ล้านคน ถ้าระบบเสร็จก็ใช้ระบบดิจิทัลวอลเล็ต

 

อย่างไรก็ตาม ทางปปช. เคยออกมาตั้งประเด็นสำคัญที่รัฐบาลควรพิจารณา ทั้งในความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ความเสี่ยงจากการทุจริตต่อกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงิน และความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและภาระทางการเงินการคลังในอนาคต และในกรณีที่มีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายที่มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือประชาชนภายใต้ภาวะเศรษฐกิจ รวมไปถึงความเสี่ยงทางด้านกฎหมาย รัฐบาลต้องรอบคอบภายในบทบัญญัติของกฎหมายที่ได้ให้อำนาจไว้ด้วย

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube