ภูมิธรรม นั่งหัวโต๊ะประชุม ศปช.นัดแรก ให้แนวทางศปช.เป็น one stop service ช่วยประชาชน หวัง การทำงานของศูนย์เป็นไปอย่างบูรณาการเบ็ดเสร็จ ยึด ประชาชนเป็นที่ตั้ง เยียวยา 5-9 พันบาท
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. ว่า วันนี้มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ประชาชนกำลังประสบภัยพิบัติทางภาคเหนือและภาคอีสาน
ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ได้เข้ามาช่วยเหลือ คลี่คลายไปส่วนหนึ่งแล้ว ขณะนี้เท่าที่ทราบจะมีพายุเข้ามาอีก 1 ลูก ซึ่งในความเป็นจริงพายุมีอยู่ทั้งหมด 3 ลูก 2 ลูกในพื้นที่ภาคเหนือและอีก 1 ลูกจะเข้าในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นพายุโซนร้อน แต่อาจจะเป็นเพียงพายุดีเปรสชัน
แต่อย่างไรก็ต้องประเมินสถานการณ์ว่าหนักเบาเพียงใด แต่สิ่งสำคัญตอนนี้จะต้องทำเรื่องเก่าที่ยังค้างอยู่ให้บรรลุเพราะประชาชนประสบปัญหาและกำลังรอการเยียวยาอยู่แต่เมื่อสถานการณ์เกิดขึ้น เป็นลูกระนาดจำเป็นจะต้องดูทิศทางและรายละเอียดให้ตรงกันซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว
รวมไปถึงต้องเตรียมพร้อมชี้เป้าแต่ละจุดบูรณาการทุกหน่วยงานเพื่อเข้าช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์อำนวยการเพื่อดำเนินการในทางปฏิบัติทั้งหมด ทั้งนี้นายภูมิธรรม ขอให้ศูนย์ ศปช. เป็นศูนย์one stop service ในการแก้ไขปัญหาด้วย
อย่างไรก็ตามที่ประชุมวันนี้จะมีการพิจารณา อย่างเป็นระบบ และบูรณาการทุกภาคส่วนอย่าง มีประสิทธิภาพประสิทธิ โดยมอบหมายให้ นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นั่งประธานคณะทำงานและมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม มีอำนาจหน้าที่ ในการประมวลข้อมูล บูรณาการแก้ไขปัญหาน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมขัง น้ำเอ่อล้นตลิ่ง ดินโคลนถล่ม
เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ รวมไปถึงเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศ ทรัพยากรน้ำ และคาดการณ์สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย วางแผยประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนประชาชน และรายงานผลให้ศปช.ทราบ
สำหรับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยากรณีอุทกภัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยในช่วงฤดูฝน ซึ่งเกิดสถานการณ์ขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา
โดยเป็นอุทกภัยทั้งในกรณีน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงผลกระทบจากการระบายน้ำจนส่งผลกระทบให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ และจังหวัดได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและ/หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยจากการสำรวจข้อมูลครัวเรือนเบื้องต้นขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 57 จังหวัด จำนวน 338,391 ครัวเรือน
ส่วนการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 จะแบ่งเป็น 3 กรณี ดังนี้ (1) กรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังตั้งแต่ 1 วัน (24 ชั่วโมง) แต่ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินเสียหาย รวมถึงกรณีน้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท
(2) กรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 7,000 บาท และ (3) กรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 60 วันขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews