หลายโหมดอารมณ์ในวันเดียวกันสำหรับ “นายกฯอิ๊งค์” ทั้งในฐานะ “นายกแม่ลูกอ่อน” ที่หลั่งน้ำตาตอบคำถามนักข่าว สะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนและคุณครูที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ
จากอีกโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่สะเทือนใจคนไทยโดยเฉพาะคนเป็นพ่อเป็นแม่ กรณีรถบัสไฟไหม้ ระหว่างพาเด็กนักเรียนจากโรงเรียนวัดสังฆยาราม จ.อุทัยธานี มาทัศนศึกษาที่อยุธยาและกรุงเทพฯ แต่มาเกิดเหตุบริเวณถนนวิภาวดีในขณะ โดยนอกจากสั่งรัฐมนตรีลงพื้นที่ทันที “นายกฯอิ๊งค์” ยังเดินทางไปเยี่ยมเด็กๆ ที่โรงพยาบาล ในขณะ “โหมดการเมือง” ที่เข้มข้น มาแบบไม่ปล่อยให้มีเวลาฮันนีมูน ทั้งบรรดา “นักร้อง” ที่ร้องเอาผิดนับสิบเรื่อง ทั้ง “พรรคร่วมรัฐบาล” ที่ออกอาการแปร่งๆ กับปมแก้รัฐธรรมนูญ ตั้งแต่การพร้อมใจไม่เห็นด้วยเพื่อไทยเสนอแก้ปมจริยธรรมในรัฐธรรมนูญ
กระทั่งมาถึงปรากฏการณ์ “สว.สีน้ำเงิน” พลิกท่าที ต่อร่าง พรบ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ.เสนอให้ใช้เสียงข้างมากสองชั้นในการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อวาน (30ก.ย.) ทั้งที่ก่อนหน้านั้น “สภาล่าง” โดยทุกพรรคในรัฐบาลก็เสนอมาในอีกแบบและสว.ก็เคยเห็นด้วย ที่ถูกวิเคราะห์ว่า มี “ใบสั่ง” จาก “ฝ่ายการเมือง” ในพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อยื้อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ทั้ง “ประธานวิปรัฐบาล” “วิสุทธิ์” และ บรรดาผู้คนจากเพื่อไทยเช่น “อ.ชูศักดิ์”
รวมถึง “รองนายกฯบิ๊กอ้วน” ก็ออกมาชี้เป้าทำนองว่าอาจจำเป็นที่หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ต้องมาคุยกันกับผลกระทบ เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างที่ “พี่อ้วน-ภูมิธรรม” ยอมรับว่า คงต้องมีการหารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองตามที่ “นายชูศักดิ์” เสนอ ส่วนที่สว. มีมติกลับมาใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น ก็ต้องดูขั้นตอนต่อไปว่ามีการตั้งกรรมาธิการร่วมสองสภา ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งระหว่างนี้ต้องคุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองว่ามีความคิดเห็นอย่างไร เพราะความเห็นของเราและสว.ไม่ตรงกัน
ที่ร้อนถึง “หัวหน้าหนู” ที่ออกตัวว่า’ ภูมิใจไทย’ ไม่เกี่ยวกับ “สว.สีน้ำเงิน” ที่มีมติใช้ “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” ทำประชามติ สส. เป็นเรื่องของวุฒิสภา ส่วนที่ สว.บางคนบอกว่ามี “ใบสั่ง” จากพรรคการเมือง “เสี่ยหนู” ย้อนถามว่าคนไหนพูด เมื่อนักข่าวบอก เป็น “อ.นันทนา” เสี่ยหนูตอบว่า “คงไม่พูดอย่างนั้น มีวุฒิภาวะขนาดนั้น คงไม่พูดอย่างนี้ “ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามที่ “นายภราดร” โฆษก ภูมิใจไทย เคยแถลงไว้ ตั้งแต่ก่อนที่จะมารับตำแหน่งรองประธานสภาฯ ก่อนย้ำว่าทุกอย่างพรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยกันก่อนอยู่แล้วทำงานร่วมกัน เช่นเดียวกับ
“นายกฯอิ๊งค์” ที่บอกว่าตัวเองจะนั่งเป็นประธานแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจะได้มีการคุยกันกับพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนจะสะดุดหรือไม่ต้องเป็นความเห็นของพรรคร่วมและประชาชน ที่ตกลงตามที่เคยแถลงต่อรัฐสภา แต่ที่ผ่านมายังมีการนัดคุยกัน ก่อนย้ำว่าต้องหารือจริงจังกับพรรคร่วม ส่วนรธน.จะแล้วเสร็จในรัฐบาลนี้หรือไม่ต้องดูความคิดเห็นก่อน ซึ่งประชาชนก็มีทั้งอยากให้แก้และไม่แก้
กระนั้นก็มีช็อตน่าสนใจกับเกมการเมืองบนถนน ที่พุ่งเป้าไปที่ “นายกอิ๊งค์” หลังจากเมื่อวาน “สนธิ ลิ้มทองกุล” อดีตแกนนำม็อบพันธมิตรที่เคยออกมาไล่ “อดีตนายกฯทักษิณ” สมัย “รัฐบาลไทยรักไทย เมื่อปี 2548 ก่อนที่ “ทักษิณ” จะถูก “บิ๊กบัง” ทำการ “รัฐประหาร” 19ก.ย.49 ที่หนนี้ “สนธิ” ประกาศทำนองใน3เดือนจะออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับม็อบ
ไล่ “รัฐบาลอิ๊งค์” ที่ทำให้ “นายกฯอิ๊งค์” ตอบคำถามนักข่าวออกตัวว่า ตนเพิ่งทำงานได้1 เดือนจะไล่กันแล้วหรือ อย่าเพิ่งไล่เลย ตนยังไม่มีโอกาสได้คุยกับ “สนธิ” หากอยากมาคุยก็พร้อมคุย วันนี้เราเป็นรัฐบาลนายกฯพร้อมคุยกับทุกภาคส่วน เพื่อทำให้ประเทศสงบสุขหากสงบสุขคนไทยก็มีความสุข ต่างประเทศก็มาลงทุน ส่วนจะให้คุยลักษณะใดให้นักข่าวแนะนำทีว่าจะทำอย่างไรตนพร้อมคุย แต่ไม่พร้อมมีเรื่องไม่คิดสู้อะไรนอกเหนือจากนี้ ส่วนตัวและรัฐบาลโฟกัสที่การกระตุ้นเศรษฐกิจ
และว่าตนไม่คิดเรื่องการลงถนนถึงขนาดจะลงถนนขอให้มาคุยกันก่อนว่าปัญหาคืออะไร คิดว่าคุยกันได้ไม่ควรใช้ความเกลียดชังหรือความรุนแรงต่อกัน ส่วนที่ว่าเป็นเพราะ ตระกูลชินวัตรหรือไม่ ทำให้ม็อบอยากลงถนน “นายกฯอิ๊งค์” ย้อนถามว่าสมมุติว่าปี 2019 ตนแต่งงานไปเปลี่ยนนามสกุล คงไม่มีปัญหาใช่หรือไม่เรื่องนี้ตนไม่ทราบเหมือนกันก่อนย้ำว่า ไม่อยากมีเรื่อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
