Home
|
ข่าว

ดราม่าวงการมวย ”โจ ณัฐวุฒิ” แฉ UPR หลังเงินค่าตัวไม่ตกปก

 

 

 

กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนแรงในวงการมวย ที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ในขณะนี้ สำหรับเหตุการณ์ของ ‘โจ ณัฐวุฒิ’ นักมวยไทยสังกัด ONE วัย 35 ปี ที่ได้ออกมาพูดเปิดใจถึงประเด็นที่เจ้าตัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการกระทำของบริษัท UPR VISION ENTERTAINMENT ที่มี ‘อองตวน ปินโต’ อดีตนักมวยไทยชื่อดัง เป็นกรรมการบริหาร ในกรณีที่ตัวเขาไม่ได้รับเงินค่าตัวจากการรับงานตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา จนเกิดกลายเป็นดราม่านี้ขึ้น

 

 

 

ก่อนหน้านี้ทาง โจ ณัฐวุฒิ ก็ได้เซ็นสัญญาเข้าไปเป็นหนึ่งในนักมวยในความดูแลของ บริษัท UPR โดยได้เซ็นสัญญากันหลังจบไฟต์ที่ โจ ณัฐวุฒิ พบกับ ตะวันฉาย เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนที่จะเกิดเรื่องราวความขัดแย้ง จนเป็นเหตุให้ยกเลิกสัญญา

 

จากนั้น “พ่อเลี้ยงเจ” เจ้าของ วนาสุวรรณฟาร์ม ผู้ว่าจ้างได้เจอกับ โจ ณัฐวุฒิ พร้อมเผยว่างานที่จ้างถ่ายแบบพรีเซนเตอร์มีค่าตัว 200,000 บาท แต่ทางบริษัทแจ้งว่าได้รับเงินแค่ 75,000 บาทเท่านั้น

 

ซึ่งสุดท้าย โจ ณัฐวุฒิ กลับได้รับเงินเพียงแค่ 50,000 บาท หลังโดนหักส่วนแบ่งไป 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งที่จริงค่าจ้างอยู่ที่ 200,000 บาท โจ จะต้องได้รับ 140,000 บาท แน่นอนงานนี้ทั้งตัวคนจ้างงาน และ โจ ณัฐวุฒิ ถึงกับเผยเลยว่ามีหลักฐานครบพร้อมไปออกรายการ “โหนกระแส” เพื่อหาความจริง

 

ต่อมาบริษัท UPR ออกมาชี้แจง หลังจากโดนกระแสโจมตีอย่างหนักบนโลกออนไลน์ ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางบริษัท UPR ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวโดยมีเนื้อหาใจความว่า ประเด็นการขายเสื้อ UPR X JO Nattawut บริษัท UPR ระบุว่า สัญญาที่เกี่ยวกับการขายเสื้อระหว่าง บริษัท และ โจ ณัฐวุฒิ นั้นได้หมดอายุก่อนวันที่ โจ จะโพสต์ประกาศยุติสัญญา ส่วนเรื่องที่ โจ โพสต์ว่าพบความผิดปกติเกี่ยวกับแคมเปญขายเสื้อนี้ ทางบริษัท UPR ชี้แจงว่า

 

-เกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการนับสต๊อกสินค้า ทำให้ โจ ได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
-ทางทนายของบริษัท ได้มีการติดต่อกับ โจ โดยตรงเพื่อชี้แจง แต่สุดท้ายไม่สามารถสื่อสารและแก้ปัญหากันได้
-บริษัทได้เสนอให้ โจ หาทนายเพื่อมาร่วมเจรจา และตรวจสอบสต๊อกสินค้า แต่ โจ ไม่ได้ให้ความร่วมมือ
-ขอชี้แจงว่า บริษัทได้ทำการจ่ายเงินเกี่ยวกับโปรเจกต์นี้ครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว

 

ส่วน ประเด็นเรื่องค่าตัวน้องควาย ทางบริษัท UPR ชี้แจงว่า บริษัทได้เจรจาตกลงค่าตัวกับผู้จัดการของ โจ ณัฐวุฒิ เป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่จะรับงานนี้ ซึ่งสาเหตุที่ทางโจได้รับค่าตัวแค่ 50,000 บาท ทางบริษัทชี้แจงว่าเกิดจากบริษัทต้องหักเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานทั้งหมดเพื่อให้การทำงานเป็นไป อย่างราบรื่นและเป็นไปตามมาตรฐานที่ตั้งไว้

 

โดยที่สัญญาดังกล่าว เป็นสัญญาระหว่างลูกค้าและบริษัท UPR Vision Entertainment โดยตรง ไม่ได้เป็นการทำกับ โจ ณัฐวุฒิ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการตรวจสอบและชำระเงินส่วนต่างทั้งหมดให้กับ โจ เรียบร้อยแล้ว

 

ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 ต.ค.67 โจ ณัฐวุฒิ นักชกชื่อดังวัย 35 ปี ตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกับ พ่อเลี้ยงเจ วนาสุวรรณฟาร์ม พูดถึงหลายประเด็นด้วยกัน โดยกำปั้นหนุ่มชาวนครราชสีมา ได้อธิบายเรื่องค่าตอบแทนคอลเลคชั่นเสื้อที่ทำด้วยกัน ซึ่งอีกฝ่ายแจ้งยอดขายจำนวนเสื้อไม่ตรงกันในแต่ละครั้ง ทำให้รู้สึกมีความไม่ชอบมาพากล

 

ขณะเดียวกันเรื่องงานน้องควาย ทางพ่อเลี้ยงเจยืนยันว่าสัญญาที่จะจ้าง โจ ณัฐวุฒิ มาถ่ายแบบนั้น ได้ยื่นไปให้กับบริษัท UPR เป็นจำนวนเงิน 2 แสนบาท แต่ทางบริษัทมาบอกว่าเจ้าของงานให้ค่าตัวมาแค่ 75,000 บาท เมื่อถูกหักออกไป 30 เปอร์เซนต์แล้ว ทำให้เงินถึงมือแค่ 50,000 บาท

 

และเมื่อวันพุธที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา ทางบริษัท UPR ได้มีการโอนเงินส่วนต่างทั้งค่าเสื้อที่ติดค้างอยู่ รวมไปถึงค่าจ้างส่วนที่เหลือจากการถ่ายแบบ ที่อีกฝ่ายอ้างว่าเงินส่วนนั้นแบ่งไปเป็นค่าดำเนินการกว่า 1 แสนบาท ซึ่ง โจ ณัฐวุฒิ ยิงคำถามไปว่า ถ้าเรื่องไม่แดงขึ้นมาอีกฝ่ายจะเคลียร์เงินให้ตนหรือไม่ และถ้าที่ผ่านมาอ้างว่าตัวเองไม่ได้โกงจริงๆ จะโอนเงินส่วนที่เหลือมาให้ตนทำไม

 

ยังมีอีกหนึ่งงานของ เอส.เค.การเกษตร ที่ว่าจ้างโจให้ทำ tiktok ให้เป็นเงินจำนวน 40,000 บาท แต่ทางบริษัท UPR แจ้งกับทีมงานของตนว่าค่าตัวที่ได้รับอยู่ที่ 13,000 บาท เท่านั้น ทางบริษัท UPR เพิ่งจะมีการเคลียร์ส่วนต่างที่เหลือมาให้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งตัวของ โจ เอง ก็สงสัยว่าถ้าเรื่องนี้ไม่แดงขึ้นมา เงินส่วนต่างจากทุกๆงานนั้นจะได้ครบจำนวนแบบนี้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาอีกฝ่ายเงียบตลอด

 

ด้าน พ่อเลี้ยงเจ เผยว่าเรื่องงานน้องควาย “โก้ เมืองเพชร” และการถ่ายแบบ ทางตนยืนยันว่าการทำสัญญานั้นก็เพราะอยากได้ตัว โจ ณัฐวุฒิ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งทางบริษัท UPR เรียกเงินไป 2 แสนบาท ตนก็ยินยอมจ่าย เพราะต้องการจะจ่ายให้โจ ไม่ได้จะจ่ายให้บริษัท UPR ซึ่งมีความน่าสงสัยว่าทางบริษัทอ้างว่าได้มีการตกลงค่าตัวกับ โจ แล้วนั้น ทาง UPR ได้บอกหรือไม่ว่าผู้ว่าจ้างให้เงินมา 2 แสนบาท หรือบอกกับ โจ เพียงอย่างเดียวว่าให้เงินมา 75,000 บาท ถูกหักภาษีอีกจนเหลือแค่ 5 หมื่นบาท

นอกจากนี้ UPR ยังอ้างอีกว่าเงินจำนวน 2 แสนนั้น ถูกหักเป็นค่าดำเนินการต่างๆ ซึ่งมีส่วนต่างถึง 125,000 บาท แต่ทางผู้ว่าจ้างก็ยังมีความสงสัยว่าค่าดำเนินการอะไรบ้างถึงได้แพงขนาดนั้น โดยการทำงานนั้นมีการเดินทางไปถ่ายทำ 2 สถานที่ ได้แก่ ค่ายมวยเจริญทอง กับ วนาสุวรรณฟาร์ม

 

อย่างไรก็ตาม พ่อเลี้ยงเจ เผยว่าในวันถ่ายทำ UPR แทบไม่ได้เตรียมการอะไรด้วยตัวเองเลยแม้แต่น้อยทั้งที่เอาส่วนแบ่งไปมากถึง 125,000 บาท มีเพียงแค่รถตู้เบนซ์ 1 คัน ที่พาตัว โจ ณัฐวุฒิ เดินทางมา และทีมงานสตาฟฟ์เพียงแค่ 2 คน แม้แต่เครื่องดื่ม อาหาร และสิ่งต่างๆ ทาง วนาสุวรรณฟาร์ม ก็จัดหาให้หมด จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าค่าดำเนินการกว่า 1 แสนบาทนั้นเยอะเกินไปหรือไม่

 

ที่สุดแล้ว โจ ณัฐวุฒิ ขอเป็นตัวแทนนักมวย ฝากบอกไปถึงทั้งเอเย่นต์, ตัวแทน หรือค่าย ช่วยให้ความกระจ่างต่อนักมวยในสังกัด เพราะความจริงคือนักมวยจะรู้ว่าได้เงินเท่าไหร่ก็ต่อเมื่อมีโอนเข้าบัญชี น้อยคนจะรู้ว่ายอดเงินจริงๆ ตัวเลขมากน้อยแค่ไหน เขาเลยอยากเอาเคสที่มีปัญหากับ UPR มาเป็นตัวอย่าง

 

 


 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube