ร่องรอยความเคลื่อนไหวกดดัน “รัฐบาลเพื่อไทย”ของ “นายกอุ๊งอิ๊ง”แบบพยายายามบดขยี้ทุกทิศทางจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะ “อดีตขบวนการต้านระบอบทักษิณ”ในปีกซีก “ฝั่งอนุรักษ์นิยม”และแนวร่วมอื่น ยิ่งนับวันยิ่งเพิ่มพูนจนส่งผลกระทบกับการขยับของ “รัฐบาลอิ๊งค์”ในการบริหารประเทศ
อย่างที่วันนี้(4พ.ย.)มีภาพของ “ม็อบค้านการแทรกแซงแบงก์ชาติ”ไปชุมนุมที่หน้าแบงก์ชาติกดดันจนต้องมีการเลื่อนวาระการเลือก “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ”ที่มีชื่อของ “กิติรัตน์ ณ ระนอง”โจทย์เก่า “คนแบงก์ชาติ”ที่ถูกมองเป็นคนของพรรคเพื่อไทย ใกล้ชิดศูนย์อำนาจ เป็นตัวเต็ง ออกไปเป็นวันที่ 11 พ.ย.
หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการเคลื่อนไหวกดดันเป็นแถลงการณ์จาก “กลุ่มอีลีค”และ “กลุ่มเทคโนแครต”ผ่าน “กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม”ที่มี“4อดีตผู้ว่าแบงค์ชาติ”และ “นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์” รวม227คน
ในขณะที่คู่ขนานกันก็มีการกดดันจากั้งนักวิชาการและอดีตสว. คัดค้านการที่ “รัฐบาลอิ๊งค์” จะแบ่งผลประโยชน์พลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล “เกาะกูด”กับ “กัมพูชา”ตามMMOU44 ที่เรื่องนี้ก่อแรงกระเพื่อมจน “นายกอิ๊งค์”ต้องมีการนัดประชุมเพื่อขอรับทราบท่าทีจาก “พรรคร่วมรัฐบาล” เพราะไม่ว่า ภูมิใจไทย หรือ ชาติไทยพัฒนา ก็เคยร่วมในรัฐบาล “อดีตนายกอภิสิทธิ์” ที่คัดค้านเรื่องการแบ่งเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ปมการยกเลิกMOU43 ที่เคยเป็นประเด็นปัญหามาก่อนที่ประเด็น “เกาะกูด”อยู่ใน “ไอเดีย”ของ “ทักษิณ”ที่กลายเป็น นโยบายของรัฐบาล ซึ่งถูกฝ่ายคัดค้านไม่ไว้วางใจเรื่อง การมี“ผลประโยชน์ทับซ้อน”กับ “ฮุนเซ็น”อดีตผู้นำเขมร โดยประเด็นนี้ก็อยู่ในคำร้องที่ “นักร้องค่ายวัดอ้อน้อย” “ธีรยุทธ์”ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญร้องถึง6พฤติกรรม ทักษิณ-เพื่อไทย
การ ล้มล้างการปกครอง ที่ล้อไปกับคำร้องที่มีการยื่นต่อ กกต.กับการ ครอบงำเพื่อไทยและ 6พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ของ “ทักษิณ”
แต่ที่น่าจับตาคือปม “คนชั้น14”ที่ก็อยู่ใน 6 พฤติกรรม ที่ปรากฎมีการแอ๊คชั้นกับปม “ป่วยทิพย์”ของ “ทักษิณ”ในสัปดาห์นี้ จากที่ “กรรมาธิการความมั่นคง”ของสภาฯ ที่มี “รังสิมันต์ โรม”จากพรรคประชาชน เป็นประธาน มีการนัดประชุมปมนี้ ในวันที่ 7 พ.ย. โดยมีการนัดผู้เกี่ยวข้องทั้งข้าราชการที่ให้การช่วยเหลือ รวมถึง “พยานปากเอก”2 คน
อย่าง “บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล”และ “ตู่ใหญ่-พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส”อดีต ผบ.ตร.ซึ่งเคยออกมาแถลงว่าเคยไปเจอและพูดคุยกับ“ทักษิณ”ที่ชั้น14ถึง2ครั้ง มาให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการที่ “ตู่ใหญ่”บอกว่าคงไม่ไป เพราะซ้ำซ้อนกับ “ปปช.”ที่ตัวเองไปให้ข้อมูลไว้แล้วในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริงที่มีข่าวว่าจะมีการสรุปส่งเรื่องให้ ปปช.ชุดใหญ่พิจาณณาจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ใน1-2สัปดาห์ โดยอาจไม่รอหลักฐาน “เวชทะเบียน”ที่มีการขอไปยัง รพ.ตำรวจถึง 3 ครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับความร่วมมือที่ “ตู่ใหญ่”ยังบอกผ่านรายการดังด้วยว่า “บิ๊กโจ๊ก”ที่ยอมรับว่าเคยไปเจอ “คนชั้น14”1ครั้ง ก็บอกว่าจะไปให้ข้อมูลกับ ปปช.หากมีการเรียกมา
เรียกว่าประเด็นกดดันทางการเมืองที่มาทุกทิศทางทั้งภายในรัฐบาลจากพรรคร่วมรัฐบาลและ ภายนอกจากกลุ่มเคลื่อนไหวการเมือง และ ฝ่ายชนชั้นนำในสังคม กับ “รัฐบาลอิ๊งค์” กำลังมาถึงจุดที่ถูกมองว่าอาจเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จนมีการวิเคราะห์ไปถึงรูปแบบที่จะเกิดขึ้น จากที่เคยมีข่าวการยุบสภา หรือ การไหลไปสู่การยึดอำนาจทางการเมือง เกิดชึ้นรวมไปถึงข่าวการแสดงอาการถอดใจ ของใครบางคน เพื่อส่งสัญญานไปยัง “ผู้มีอำนาจปีกอนุรักษ์”กระทั่งมาสู่ข่าวว่าฝ่ายการเมืองไม่กลัวสถานการณ์การยึดอำนาจ
อย่างที่ “ไพศาล”อดีตกุนซือรองนายกฯออกมาโพสFBวันนี้ทำนอง การเมืองไทยกำลังเข้าสู่ทางตัน และไม่สามารถแก้ปัญหาโดยทางการเมืองได้สถานการณ์อาจนำไปสู่การยึดอำนาจ แต่นักการเมืองไม่กลัวการยึดอำนาจเพราะการยึดอำนาจที่ผ่านมานั้น หน่อมแน้ม ไม่สามารถยึดทรัพย์นักการเมืองโกงชาติและตัดขาดวงจรอุบาทว์ทางการเมืองให้หมดสิ้นไปได้ จนต้องใช้มาตรการทางกฎหมายยุบพรรคซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่มีที่สิ้นสุดกลายเป็นเด็กเล่นขายของไปอย่างน่าสมเพท จึงทำให้การยึดอำนาจเสียของและนักการเมืองก็เย้ยหยัน ถึงขั้นว่าจ้างกลไกในการยึดอำนาจมาทำงานรับใช้นักการเมืองอีกด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews