“ทรัมป์-ทักษิณ” 2 คน 2 คม! ชีวิตสุดโลดโผน-คดีรุงรัง
ทั่วโลกจับตาศึกชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ ค่ายรีพับลิกัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับ “กมลา แฮร์ริส” จากซุ้มเดโมแครต ที่ดูเหมือนว่าหากกมลา เข้าวิน จะดีต่อเศรษฐกิจ มากกว่า ทรัมป์ กลับมาผงาด แต่ถ้าพูดถึงบทบาท สีสัน ลีลาแล้วชื่อชั้นของ ทรัมป์ นั้นฮอตฮิตกว่า”กมลา”หลายขุมเนื่องจาก ทรัมป์ นั้นมีทั้งคนรัก และคนเกลียด เส้นทางชีวิตสุดโลดโผนฉูดฉาด มีคดีความพัวพันรุงรัง ซึ่งทำให้ถูกนำไปเทียบกับทักษิณ ชินวัตร ผู้กุมอำนาจสูงสุดในเวลานี้
โดย ทั้งทักษิณ และทรัมป์ ต่างพัวพันหลายคดี แต่ก็ยังยืนโดดเด่นโดยท้าท้าย ซึ่งฝั่ง ทรัมป์ นั้น คดีติดกันอื้อ ทั้งคดีจ่ายเงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่,คดีแทรกแซงการเลือกตั้งระดับรัฐบาลกลาง,คดีแทรกแซงการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย,
คดีแพ่งที่รอการพิจารณาอยู่ 8 คดีที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของเขาในเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 และอื่นๆ ซึ่งหาก ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง คดีอาญาระดับรัฐบาลกลางที่เขาถูกฟ้องร้องอยู่อาจได้รับการยกฟ้อง
ส่วนคดีอาญาระดับรัฐอาจถูกระงับจนกว่าเขาจะออกจากตำแหน่ง และคดีแพ่งต่าง ๆ ที่รอการพิจารณาคดีอยู่อาจถูกเลื่อนออกไป แต่ถ้าหาก “กมลา แฮร์ริส” ชนะ ทรัมป์อาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกเร็วที่สุดปลายเดือน พ.ย. จากการถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญาในนิวยอร์ก และอาจถูกพิจารณาคดีอาญาเพิ่มเติมในปี 2025 นอกจากนี้ ทรัมป์ยังอาจต้องขึ้นศาลแพ่งเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะที่ตอนนี้เขากำลังอุทธรณ์คำพิพากษาแพ่งอยู่
สำหรับ ทักษิณ นั้น ไม่ต่างกับ ทรัมป์ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีความมากมาย มีทั้งที่ถูกตัดสินว่าผิด หรือ ยกฟ้อง เช่น คดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ที่หมดอายุความแล้ว,คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือ “คดีหวยบนดิน” ,คดีให้นอมินีถือหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นคู่สัญญาต่อหน่วยงานของรัฐ,คดีกล่าวหาว่าอนุมัติให้กระทรวงการคลัง เข้าไปบริหารจัดการแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท TPI
คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดามหานคร กว่าหมื่นล้านบาทโดยทุจริต,คดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ภาค 2 จำนวน 8 สัญญา คดีกล่าวหาการอนุมัติสั่งซื้อเครื่องบินแบบ A340-500 และ A340-600 ของบริษัท การบินไทย ซึ่งคีดส่วนใหญ่ถูกยกฟ้องไปหมดแล้ว เหลือที่ต้องลุ้นระทึกคือ คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 โดยมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันฯ
และเมื่อ วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ทักษิณ ดอดรายงานตัวคดี 112 ยังไม่ได้ยื่นขอออกนอกประเทศ รอบ 2.หลังก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า เตรียมจะยื่นคำร้องขอออกนอกประเทศอีกครั้ง หลังศาลอาญาเคยยกคำร้องไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่มารายงานตัววันนี้ เป็นไปตามกำหนดเงื่อนไขที่จะต้องมารายงานตัวต่อศาลเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งการมารายงานตัวในวันนี้ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า โดยกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกของคดีนายทักษิณจะเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
ทั้งนี้ไม่ปรากฏข่าวความสัมพันธ์ระหว่าง ทักษิณ กับทรัมป์ มากนัก มีเพียง ช่วงที่คนร้ายก่อเหตุลอบยิง ทรัมป์ขณะขึ้นเวทีหาเสียงที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อ 13 กรกฎาคม 2567 นั้น วันรุ่งขึ้น “ทักษิณ” ออกมา ได้โพสต์ข้อความผ่าน X หรือ ทวิตเตอร์ว่า ตกใจข่าวลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” ขอประณามความรุนแรงทางการเมืองทุกรูปแบบ พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ขอให้ปลอดภัยนะโดนัลด์”
อย่างไรก็ตามทั้งทรัมป์ ในวัย 78 ปี และทักษิณ ในวัย 75ปี ยังคงเป็นสีสันทางการเมือง มีอิทธิพลทางความคิดกับผู้คนจำนวนมาก และที่สำคัญมีทั้งคนรักสุดขีดและคนชังสุดขั้ว รวมไปถึงต้องเผชิญกับคดีความ ในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิตที่ยังไม่สามารถละวางจากความหอมหวานของอำนาจได้เลย!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews