เริ่มเปิดให้ลงคะแนนตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้บ้านเราแล้วสำหรับประชาชนพลเมืองสหรัฐและหลังจากนั้นอาจเป็นช่วงสายๆของวันพรุ่งนี้(6พ.ย.)ตามเวลาประเทศไทยจะได้รู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ว่า ระหว่าง รองประธานาธิบดี “คามาลา แฮร์ริส” จากพรรคเดโมแครต กับอดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” จากพรรครีพับลิกันใครจะชนะ
แม้ในช่วงโค้งสุดท้ายคะแนนโพลและเหล่าบรรดาแวดวงพนันขันต่อจะให้ “ทรัมป์”เป็นต่อ “แฮรริส” เช่นเดียวกับ “น้องหมูเด้ง”ที่ดังไปทั่วโลกแห่งสวนสัตว์ไทยที่วันนี้ อวตาล ไปเยือน “นายกฯอิ๊งค์”ที่ทำเนียบฯ ที่ทายผลเลือก “ทรัมป์”จะได้เป็น ประธานาธิบดี
โดย รัฐบาลไทยเองกับท่าทีหรือการเตรียมตั้งรับ กับเรื่องที่สั่นสะเทือนโลกกับการเลือกตั้ง ผู้นำสหรัฐที่จะส่งผลกระทบต่อโลกหลายมิติ การเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม อาจยังไม่ค่อยเห็นใครตั้งแต่นายกฯ ออกมาพูดเรื่องนี้เท่าใด นอกจากกำลังนัวกับการตอบโต้ชี้แจงปัญหาประเทศข้างบ้านของกัมพูชา
ที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาล และต้านระบอบทักษิณ ซีกฝั่งอนุรักษ์นิยม และผู้คนจากพรรคพลังประชารัฐจะออกมาเขย่าปม การแบ่งผลประโยชน์พลังงาน“เกาะกูด”ตามMOU44 ที่ไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่มีกุนซือตัวพ่ออย่าง “ทักษิณ”จะมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับ “ฮุนเซน”กุนซือตัวพ่อผู้นำกัมพูชา
อย่างที่“ม็อบคปท.”เมื่อวาน(4พ.ย.)นอกจากจะเพิ่งไปชุมนุมที่หน้าแบงค์ชาติกดดันจนต้องเลื่อนและอาจยอมเปลี่ยนชื่อ “ประธานบอร์ดแบงค์ชาติ”ไปวันที่ 11พ.ย.วันนี้(5พ.ย.) ก็บุกไปกดดันหน้าทำเนียบที่มีการประชุมครม.ซึ่ง ทั้ง “นายกฯอิ๊งค์”และแกนนำรัฐบาลยืนยันไม่เดินหน้า เพราะไม่มีผลกระทบต้องเสียดินแดนไทยให้เขมรตามที่ฝ่ายคัดค้านกล่าวหา ที่ยังไม่นับรวมประเด็นการเมืองอื่น ๆที่ “รัฐบาลอิ๊งค์”กำลังถูกรุมเจาะยาง จน “จิตตก”แม้การแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ปปช.ของ “นายกฯอิ๊งค์”ก็ต้องขอเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เพราะกลัวถุก “จับโป๊ะ”จับผิดจาก “นักร้อง”ค่ายบ้านป่าฯ
ที่ไม่แปลกว่าเรื่องว่า “ทรัมป์”หรือ “แฮรริส”จะชนะ จะส่งผลกระทบ “ไทย”และรัฐบาลไทยจะเตรียมตั้งท่ารับมืออย่างไร จะยังดูไม่รับความสนใจจากผู้คนในรัฐบาล นอกจากบรรดาผู้มีหน้าที่หรือที่จะได้รับผลกระทบภาคเอกชนนักลงทุนที่มีการถกเรื่องนี้ ที่ส่วนใหญ่ออกมาทำนอง ไม่ว่าใครจะชนะมาโลกรวมถึงประเทศไทยก็ปั่นป่วนอยู่แล้ว โดยเฉพาะหากเป็น “ทรัมป์”ที่เคยเป็นฝากผลงานการถ่ายทำการ “ป่วนโลก”ไว้ช่วงที่เป็นประธานาธิบดี ที่นักวิเคราะห์มองว่า ยากจะคาดเดาทิศทางผลกระทบและความแรงของนโยบายที่ส่งผลกระทบ มากกว่า “แฮร์ริส”ที่ค่อนข้างคาดเดาทิศทางได้กับนโยบายที่จะต่อจาก ไบเดน
กระนั้นบางฝ่ายก็ประเมินผลบวกลบเปรียบเทียบหาก “ทรัมป์”ชนะจะทำให้ไทยมีโอกาสทางการค้าและการลงทุนจากที่มักสนับสนุนการลดภาษีและกฎระเบียบภายในประเทศซึ่งอาจส่งเสริมให้บริษัทสหรัฐขยายฐานการผลิตในต่างประเทศเพื่อลดต้นทุน ไทยอาจได้รับประโยชน์ จากการเป็นฐานการผลิตสินค้าสำหรับส่งออกในเอเชีย โดยเฉพาะในกรณีที่บริษัทสหรัฐย้ายการผลิตออกจากจีน รวมถึงนโยบายด้านพลังงานของทรัมป์เน้นการเพิ่มการผลิตในสหรัฐ อาจทำให้ราคาพลังงานในตลาดโลกคงที่ ซึ่งเป็นผลดีต่อไทยและเอเชียที่ต้องนำเข้าพลังงานมาก ช่วยลดต้นทุนการผลิตในภูมิภาคได้
ในขณะที่ผลลบคือประเด็น สงครามการค้ากับจีน ที่ ทรัมป์จะกลับมาดำเนินนโยบายกีดกันการค้ากับจีน ความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทานจะเพิ่มขึ้น ไทยและประเทศในเอเชียที่มีการผลิตสินค้าเกี่ยวข้องกับจีนอาจเจอปัญหาจากภาษีที่สูงขึ้นหรือข้อจำกัดทางการค้า ซึ่งรวมถึงปัญหา ความตึงเครียดด้านความมั่นคงในภูมิภาคที่ ทรัมป์ เคยลดบทบาทของสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพในภูมิภาคนี้เมื่อไทยและประเทศในเอเชียอาจต้องเผชิญหน้ากับจีนมากขึ้นในประเด็นด้านความมั่นคง เช่น ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ โดยขาดการสนับสนุนที่ชัดเจนจากสหรัฐ
ในขณะที่ หากแฮร์ริสชนะ แม้ แฮร์ริส จะมีแนวเดียวกันการทำสงครามการค้ากับจีน แต่สำหรับไทยและประเทศในเอเชีย อาจจะได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่เข้มแข็ง แต่จะต้องยอมรับเงื่อนไข ด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงปรับตัวให้เข้ากับมาตรฐานใหม่ที่อาจทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น เพราะนโยบายของแฮร์ริสมักสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมไทยและเอเชียอาจต้องรับแรงกดดันให้ปรับตัวในด้านนี้ เช่น มาตรการลดคาร์บอนหรือเพิ่มการคุ้มครองแรงงานซึ่งอาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและลดความสามารถในการแข่งขันในระยะสั้นและไทยอาจต้องเจอกับความกังวลด้านภาษีและแรงกระตุ้นจากภายในประเทศสหรัฐจากนโยบายของ แฮร์ริส ที่อาจเน้นการเพิ่มรายได้ภาครัฐด้วยการปรับขึ้นภาษีในสหรัฐเพื่อสนับสนุนโครงการสังคมและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งอาจลดโอกาสการไหลของทุนจากสหรัฐเข้ามาลงทุนในเอเชีย เนื่องจากผู้ประกอบการอาจเลือกลงทุน ภายในประเทศมากขึ้น ที่ทั้งหมดยังไม่นับรวมประเด็นสงครามในตะวันออกกลางและในยุโรปที่ใครมาก็ป่วนเช่นกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews