Home
|
ข่าว

ข้างนอกไล่-ข้างในเลื่อย “นายกอิ๊งค์”?

 

 

 

แม้จะส่งสัญญานการกลับมาเป็นข่าวมีบทบาทของ“ทักษิณ”ผู้เป็นทั้ง “พ่อนายก” และ “ผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทย”กับคิวไปขึ้นเวทีช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี(13-14พ.ย.) พื้นที่เมืองหลวงคนเสื้อแดงของพรรคเพื่อไทย แบบระดมมวลชน 1-2 หมื่นมาเติมใจให้เต็มในการฮึดสู้กับมรสุมการเมืองหลายลูกที่กำลังรุมสกรัมทั้ง “ทักษิณ”และ “ลูกอิ๊งค์”

 

 

รวมถึง “พรรคเพื่อไทย”แบบ “แยกเป้า”พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง3ร้องเรียนที่นำไปสู่การ “ตั้งแท่นเช็คบิล”ในองค์กรอิสระ อย่าง การครอบงำพรรคการเมืองของ “ทักษิณ” ที่อยู่ใน กกต. , การให้หยุดพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง ที่มี 6 ประเด็นครอบคลุมเชื่อมโยงกับสถานการณ์เหตุการณ์ที่กำลังกดดันรัฐบาล ซึ่งมีความคืบหน้าอัยการสูงสุดจะสรุปวันนี้และส่งเรื่องกลับไปที่ศาลรัฐธรรมนูญต้นสัปดาห์หน้าที่ (11พ.ย.) และอาจมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของศาลรัฐธรรมนูญในวันพุธ(13พ.ย.)

 

 

ไม่ว่าจะเป็น กรณีการคัดค้านและให้เลิก MOU44 ที่ถูก “กลุ่มคลั่งชาติ”นำโดย “หมอวรงค์”ที่กำลังล่าชื่อประชาชนแสนชื่อ การออกมาคัดค้านของ กลุ่มคปท.ทั้งตัวMOU และการที่ “นายกฯอิ๊งค์”ที่จะตั้ง “พี่อ้วน-ภูมิธรรม”เป็น ประธานคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค หรือJTC ระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อพูดคุยกับทางกัมพูชาเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อน รวมถึง ผู้คนจาก “พรรคพลังประชารัฐ”ของ “ลุงป้อม”และบรรดาเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์นิยม ที่เคยเป็นกลุ่มต่อต้าน “ระบอบทักษิณ”ระบุว่า ไทยจะเสียยดินแดนเกาะกูดหาก รัฐบาลอิ๊งค์ยังเดินหน้า “แบ่งผลประโยชน์พลังงาน”กับกัมพูชาจากMOUฉบับนี้,กรณี “คนชั้น14”ที่คดีอยู่ใน ปปช.หรือ กรณี การคัดค้านการแทรกแซง “แบงค์ชาติ”ของ “กลุ่มอีลีค”และ “เทคโนแครต”227 คน ในนามกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ที่นำโดย “อดีต4ผู้ว่าแบงก์ชาติ”และ “นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์” ที่เคลื่อนไหวล่ารายชื่อขวางการตั้ง “กิตติรัตน์ ณ ระนอง”เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติจนต้องเลื่อนการพิจารณาไปวันที่ 11พ.ย.และเปลี่ยนชื่อ

 

 

เรียกว่า “ศึกนอก”สำหรับ “รัฐบาลอิ๊งค์”ยิ่งมายิ่งงวดใกล้ไคลแม็กซ์โดยเฉพาะเรื่องที่ไปตั้งแท่นในองค์กรอิสระที่มีคิวเคาะรับหรือไม่ในสัปดาห์หน้า ในขณะที่ “ศึกใน”ที่มีการวิเคราะห์จากหลายฝ่าย ก่อนหน้านี้ ว่า รัฐบาลอิ๊งค์ ยังมี ปัญหาภายใน กับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะกับ ภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู”และ “ครูใหญ่เนวิน”ที่ถูกมองมี “แต้มต่อ”จาก “สว.สีน้ำเงิน”ที่ส่งผลการต่อรองทางการเมืองจนทำให้การเดินหน้าผลักดันงานให้เป็นไปตามนโยบายซึ่งหาเสียงไว้ของเพื่อไทยสะดุดหลายครั้ง อย่างเช่นครั้งที่มีการตั้งกรรมาธิการร่วมพิจารณากฎหมายประชามติไม่รับรวมร่องรอยที่เกิดความเห็นแตกต่างกันหลายครั้ง

 

 

แต่อีกร่องรอยที่กำลังถูกจับตาใน 2 ปม ที่อาจมีผลต่อ “นายกฯอิ๊งค์”คือ ปมปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่จู่ๆ เมื่อเร็วๆนี้ มีรายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทย ที่ผลของเรื่องนี้ อาจโยงไปกระทบกับเรื่องราวร้องเรียนก่อนหน้านี้มี “นักร้อง”ไปตั้งแท่นร้อง “นายกอิ๊งค์”ไว้ และ ปมเกาะกูด ที่นอกจากในสัปดาห์หน้าจะมีแอ๊คชั่นของ “เสี่ยหนู-อนุทิน”ในฐานะ มท.1 จะลงพื้นที่ตรวจราชการเกาะกูด จ.ตราด โดยบอกว่า “เมื่อเกิดประเด็นเราก็ไปดู ไปให้กำลังใจชาวบ้าน”ยังมีปมที่ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า มี รองนายกฯท่าหนึ่งไปลงนามในข้อตกลงข้อ 8 กับเขมร ทำนอง ทั้งสองฝ่ายจะให้คณะกรรมการปักปันเขตแดนร่วมกันปักปันเขตแดนต่อไป ซึ่งเป็นการยืนยันว่า การปักปันเขตแดนโดยเฉพาะหลักเขตที่ 72 ถึง 74 ยังไม่แล้วเสร็จ

 

 

ที่ปมนี้ “ไพศาล” อดีตกุนซือรองนายกฯ โพสFB ว่า จะส่งผลทำให้ยังไม่แน่ชัดว่าดินแดนเขมรที่เกาะกงอยู่ที่ชายฝั่งอ่าวไทยหรือไม่ เมื่อยังไม่ชัดเจน แดนกรรมสิทธิ์ หรือแดนอธิปไตยของเขมรในอ่าวไทยจึงยังไม่มี การไปยอมรับว่ามีพื้นที่ซับซ้อน และแบ่งปันผลประโยชน์ จึงเท่ากับยอมรับข้ออ้างของเขมร
และทำให้ไทยสูญเสียอธิปไตย และผลประโยชน์ในทะเลจำนวนมาก เสี่ยงที่จะต้องถูกดำเนินคดีข้อหากบฏในราชอาณาจักรด้วย

 

 

นอกจากนี้ “ไพศาล”ยังพูดถึงปมปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ด้วยว่า การที่กระทรวงมหาดไทยได้ออกคำสั่งให้เพิกถอน กรรมสิทธิ์ที่ดินอัลไพน์ โดยอ้างคำวินิจฉัยของกฤษฎีกาว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์เท่ากับเดินหมากบังคับ “รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง”และพรรคเพื่อไทย ให้ต้องเปิดหน้าชกก่อน โดยต้องฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงมหาดไทยภายใน 90 วัน มิฉะนั้นก็จะเป็นที่ยุติว่าที่ดินนี้เป็นที่ธรณีสงฆ์ ซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญส่งผลกระทบไปยัง “นายกอิ๊งค์” ที่ถูกนักร้องตั้งแท่นร้องไว้กับเรื่องนี้

 

 


 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube