Home
|
ข่าว

“อิ๊งค์” ติวเข้ม ทันเกม “ทรัมป์”

 

 

 

 

สร้างความกังวลให้กับทั่วโลกอยู่ไม่น้อย สำหรับการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” หลังชนะการเลือกตั้งอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยจะมีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม 2568

 

 

 

 

 

ว่ากันว่า ชัยชนะของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ครั้งนี้ มาจากตัวตนของเขาซึ่งเป็นบุคลิกที่ชาวอเมริกันโหยหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพของความเป็นผู้นำที่ทรงพลังและมีความแข็งแกร่ง

 

นอกจากนี้ นโยบายที่สำคัญของ “ทรัมป์” ไม่ว่าจะเป็น “อเมริกาต้องมาก่อน” รวมถึง “มาตรการทางภาษี” ที่เชื่อมโยงกับ “สงครามการค้า” ก็ถูกจับตาจากชาวโลกด้วยเช่นเดียวกัน

 

ล่าสุด ว่าที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” สร้างความฮือฮาด้วยการแต่งตั้งให้ “อีลอน มัสก์” บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก มานั่งเก้าอี้กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่

 

ดังนั้นเมื่อความเก๋าในเกมการเมือง บวกกับ นโยบายที่เฉียบขาดของ “ทรัมป์” รัฐบาลไทย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” จะรับมือกับผู้นำที่ทรงพลังของโลกผู้นี้ได้มากน้อยเพียงใด สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ถาม “รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร” ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ในประเด็นดังกล่าว โดย “รศ.ดร.ปณิธาน” กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีของไทยจะต้องเตรียมตัวให้มากหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ นั่งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่

 

“ก็อาจจะต้องเตรียมตัวมากขึ้นกับผู้นำโลกซึ่งมีประสบการณ์มาแล้ว แล้วก็ได้รับความชอบธรรมจากประชาชนแทบทุกส่วนของสหรัฐฯ ก็ทำให้มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นก็ทำให้การทำงานร่วมกัน อาจจะมีความซับซ้อนมากขึ้นเยอะอย่างที่ผู้นำหลายๆ ประเทศรวมทั้งในยุโรปได้เตรียมตัวกันไปแล้วว่าสมัยที่สองของประธานาธิบดีทรัมป์ อาจจะเป็นเรื่องที่จะต้องเข้มข้นขึ้น มีการเจรจาต่อรองกันมากขึ้น

 

แต่ว่าด้วยบุคลิกที่ทั้งเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและเป็นนักการค้านักลงทุนแล้วก็เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับระบบราชการของสหรัฐมาแล้ว ก็คงจะมีหลายมิติที่ต้องเตรียมตัว แต่ว่าก็ยังมีโอกาสให้กับหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยเพราะว่าแนวทางในการที่จะพยายามทำให้คนกินดี อยู่ดี มันก็น่าจะเป็นทางเดียวกัน”

 

“รศ.ดร.ปณิธาน” กล่าวอีกว่า นโยบายเรื่องภาษีของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเรื่องที่หนัก ดังนั้นประเทศไทยก็อาจจะลดความรุนแรงได้ ด้วยการเจรจา ซึ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการเตรียมการ

 

“จะต้องเตรียมตัวให้ดีขึ้นอยู่การเตรียมตัวว่าจะไหวหรือไม่ไหวในการรับมือในบางเรื่อง อย่างเช่นเรื่องกำแพงภาษีก็อาจจะค่อนข้างหนักแต่เราก็จะทดแทนด้วยการเจรจาลดความรุนแรงลงด้วยการซื้อสินค้าสหรัฐบางประเภทบางรายการ แต่ว่าการเจรจาตรงนี้ขนาดนี้ยังคืบหน้ามากนักเพราะว่ายังไม่มีการตั้งผู้รับผิดชอบตรงนี้โดยตรง

 

แต่ว่าดูจากตัวบุคคลที่ทางว่าที่ประธานธิบดีให้ความสำคัญก็จะเป็นเรื่องของความมั่นคง จะเป็นเรื่องของการบริหารงบประมาณในภาพรวมเป็นเรื่องของการตั้งกระทรวงใหม่เพราะฉะนั้นในทีมงานเหล่านี้

 

เราน่าจะเตรียมตัวด้วยการเชื่อมโยงพูดคุยกันได้เลย ทางฝ่ายความมั่นคงไทยน่าจะได้เปรียบในการเชื่อมโยงกับฝ่ายความมั่นคงใหม่ ของทางทีมงานของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ขณะนี้เห็นตัวชัดเจนแล้ว อันนี้สามารถที่จะรับมือได้ในแง่ของความมั่นคง ถ้าเตรียมตัวดีเพราะว่าจะสอดคล้องกันในนโยบายหลายอย่างเหมือนกัน”

 

นอกจากนี้ “รศ.ดร.ปณิธาน” ยังได้สะท้อนมุมมองของสหรัฐฯที่มีต่อประเทศไทยไว้อย่างสนใจ โดยเขากล่าวว่า วันนี้สหรัฐฯมองไทยด้วยสายตาที่ไม่มั่นใจว่า ในทางปฏิบัตินอกเหนือไปจากข้อตกลงที่เป็นทางการตามสนธิสัญญาตามความตกลงต่างๆ เรามีความตั้งใจมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายต่างๆของไทย รัฐบาลจะต้องไม่ประมาท

 

“ต้องอย่าประมาทในการดำเนินการของรัฐบาลสหรัฐฯชุดใหม่ นอกจากจะมีความรวดเร็วมากกว่าเดิมแล้วยังมีความเข้มข้นมากกว่าเดิม แล้วก็มีความชัดเจน เนื่องด้วยความชอบธรรมในการเลือกตั้งมาสูงกว่าที่หลายคนคาด เพราะฉะนั้นความประมาท ก็อาจจะทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่เสียหายมาก แล้วก็จะแก้ไขได้ยากเพราะฉะนั้นไม่ประมาทเตรียมตัวให้ดี และก็เข้าไปเจาะในพื้นที่ที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันก่อน แล้วก็พื้นที่ยังตกลงกันไม่ได้ เช่น การค้าการลงทุนก็ค่อยเจรจากันภายหลังก็ได้”

 

ขณะที่ “นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์” ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การวางตัวเป็นกลางของไทยสามารถดึงดูดการค้าและการลงทุนได้ท่ามกลางนโยบายของสหรัฐฯ ที่จะไปในทิศทางกีดกันทางการค้าและปกป้องทางการค้ามากขึ้น เนื่องจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีนมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ทั้งสหรัฐฯ และจีน รวมถึงนักลงทุนจากประเทศต่าง ๆ จะเพิ่มการลงทุนในประเทศที่เป็นกลางและเป็นมิตรกับทุกฝ่าย

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตานโนบายของว่าที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” อย่างใกล้ชิด เพราะทุกการขยับ ย่อมหมายถึง เศรษฐกิจโลกที่จะกระเพื่อมนั่นเอง

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube