หลังจาก สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ประกาศโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลรายการ ASEAN Mitsubishi Electric Cup 2024 หรือ ศึกชิงแชมป์อาเซียน 2024 ที่จะแข่งขันระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568
โดย ทีมชาติไทย แชมป์เก่า อยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับ มาเลเซีย, สิงคโปร์, กัมพูชา และ ติมอร์ เลสเต ส่วน กลุ่มบี ประกอบด้วย เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เมียนมา และ สปป.ลาว
โดยทีมชาติไทย จะลงสนามประเดิมนัดแรก ในวันที่ 8 ธันวาคม 2567 พบกับ ติมอร์ เลสเต เวลา 20.00 น. ที่ฮัง เดย์ สเตเดียม ประเทศเวียดนาม
ส่วนนัดที่ 2 ทีมชาติไทยจะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีม เสือเหลือง มาเลเซีย ในวันที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 20.00 น.ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
จากนั้น ในนัดที่ 3 ทีมชาติไทย ต้องบินไปเยือน ทีมชาติสิงคโปร์ วันที่ 17 ธันวาคม 2567 เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย
ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์
ขณะที่นัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม จะเฝ้าบ้านรับการมาเยือนของ ทีมชาติ กัมพูชา นัดที่สี่ ในวันที่ 20 ธันวาคม 2567 เวลา 20.00 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เพื่อหาทีมแชมป์กลุ่ม และ รองแชมป์กลุ่ม เข้ารอบรองชนะเลิศต่อไป
ซึ่งหลังจากดูชื่อทีมที่อยู่ร่วมสายกับทีมชาติไทยแล้วนั้น ถือว่าไม่หนักมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอดู หัวหน้าโค้ช อย่าง มาทาซะดะ อิชิอิ ว่าจะเรียกนักเตะคนไหนมาติดทีมชุดนี้บ้าง เพราะหลังจากจบแมตช์อุ่นเครื่อง 2 นัดล่าสุด ที่เสมอทั้ง เลมานอน และ สปป.ลาว กับฟอร์มการเล่นที่ไม่ค่อยประทับใจแฟนบอลไทยมากนัก
วันนี้เลยมาวิเคราะห์กันว่า การฟาดแข้งกับทีมคู่แข่งที่อยู่ร่วมสายกับเราเหล่านี้ ทีมชาติไทย จะสามารถฝ่าด่านเอาชนะเพื่อผ่านเข้ารอบไปได้หรือไม่
เริ่มจากนัดแรก ทีมชาติไทย พบกับ ติมอร์ เลสเต เชื่อว่าทีมชาติไทยจะส่งผู้เล่นที่ผสมผสานระหว่างผู้เล่นที่มีประสบการณ์กับรวมกับผู้เล่นหน้าใหม่ที่โชว์ฟอร์มเด่นในไทยลีก จากสถิติที่ผ่านมา ไทยมีฟอร์มที่เหนือกว่าติมอร์ เลสเตอย่างชัดเจน ทีมชาติไทยมีความได้เปรียบทั้งด้านคุณภาพนักเตะและประสบการณ์การแข่งขันในระดับอาเซียน โอกาสที่จะชนะติมอร์ เลสเตในนัดนี้มีสูงมาก อย่างไรก็ตาม ทีมต้องระวังความประมาทและการจบสกอร์ที่ยังไม่เด็ดขาดในบางเกมที่ผ่านมา ผลที่คาดไทยชนะ 3-0 หรือ 4-1
นัดที่ 2 ไทยเปิดบ้าน พบกับ มาเลเซีย ถือเป็นเกมที่น่าจับตามอง เนื่องจากทั้งสองทีมต่างเป็นคู่แข่งสำคัญในภูมิภาค และมีประวัติการพบกันที่ดุเดือดมาโดยตลอด เจอกันเมื่อไรใส่กันสนุกแน่นอน โดยมาเลเซีย มีจุดเด่นที่เกมโต้กลับที่รวดเร็วและใช้พละกำลังสูง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่มักสร้างปัญหาให้ไทยในอดีต หากไทยสามารถควบคุมจังหวะเกมและแก้ไขปัญหาเกมรับไว้ได้ ก็น่ามีโอกาสชนะสูง เพราะเล่นในบ้านมีเสียงเชียร์ค่อยกระตุ้นตลอดเวลา ผลที่คาด ไทยชนะ 2-1 หรือ 3-1
ส่วนนัดที่ 3 ทีมชาติไทย ต้องบินไปเยือน ทีมชาติสิงคโปร์ เกมนี้เชื่อว่า อิชิอิ ต้องเน้นการครองบอลและเล่นเกมรุกที่ไหลลื่น ซึ่งหากทีมสามารถควบคุมเกมและกดดันคู่แข่งได้ ก็มีโอกาสได้แต้มกลับมา ส่วนสิงคโปร์ เกมนี้น่าจะเน้นการเล่นที่รัดกุมและใช้การโต้กลับอย่างรวดเร็ว พวกเขาอาจพยายามใช้เกมรับที่แข็งแกร่งและรอจังหวะในการเล่นบอลยาวหรือลูกตั้งเตะ ซึ่งสามารถสร้างความอันตรายได้ ผลที่คาด ไทย ชนะ 2-0 หรือ 2-1
มาต่อที่นัดสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติไทยจะเปิดบ้าน พบกับ กัมพูชา ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยกัมพูชาเป็นทีมที่กำลังพัฒนาขึ้น แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าทีมชาติไทย พวกเขามักจะเล่นด้วยสไตล์เกมรับและรอจังหวะโต้กลับ แต่ในภาพรวมพวกเขายังขาดประสบการณ์ในระดับสูง ส่วนทีมชาติไทย เล่นในบ้าน หากรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีและควบคุมเกมได้ ก็น่าน่าจะสามารถเก็บ 3 คะแนนได้โดยไม่ยาก. ผลที่คาด ไทยชนะ 2-0 หรือ 3-0
ส่วนบทสรุปทีมชาติไทยจะสามารถไปถึงบัลลังก์แชมป์ได้หรือไม่นั้น กองเชียร์ช้างศึก ต้องรอลุ้น และตามเชียร์ต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews