นายกฯอิ๊งค์ ยังมีทางถอย MOU 44 เพื่อปิดประตูม็อบ
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายฝ่ายวิตกกังวลกับการจะมีม็อบที่มี “สนธิ ลิ้มทองกุล” อดีตแกนนำพันธมิตร ที่เคยไล่รัฐบาล”ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อ 19ปีก่อน ประกาศจะลงถนนอีกครั้ง
เพื่อขับไล่รัฐบาล “แพทองธาร” จากประเด็นจะเดินหน้า MOU 44 เจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ใต้ทะเลกับกัมพูชา ตัวนายกฯอิ๊งค์เอง ก็ส่งสัญญาณว่าไม่อยากให้มีม็อบ อยากให้ประเทศสงบเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว แกนนำรัฐบาลหลายคนไม่ว่าจะเป็น “ภูมิธรรม เวชยชัย” ก็พยายามดักคอ ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญได้
แต่ขอให้คิดถึงสิ่งที่เคยทำให้ประเทศเสียหาย เช่นเดียวกับ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” มือกฏหมาย และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ก็ขอให้ “สนธิ” คำนึงถึงบทเรียนในอดีต และ เชื่อว่า ณ ปัจจุบันไม่มีเงื่อนไขให้ปลุกม็อบได้ พร้อมกับย้อนศร ว่า MOU 44 ทำกันมาตั้งแต่ปี 2544 ก็ไม่ทำให้เสียดินแดนเลย
แต่ในขณะเดียวกันพรรคฝ่ายค้านอย่างพลังประชารัฐ โดย “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” และ “ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี” ก็ยังคงโหมโรงกดดัน เรียกร้องให้ยกเลิก MOU 44 ต่อไป พร้อมอธิบายเนื้อหาในหลายบริบท ว่า MOU 44 นี้เป็นโมฆะ ฟาดรัฐบาลทำขั้นตอนผิด เสี่ยงเสียดินแดน
ดังนั้น ทั้งม็อบของ”สนธิ” ที่กำลังก่อหวอด และความเคลื่อนไหวของพลังประชารัฐ ที่สอดรับกันแบบไม่ได้นัดหมาย ทำให้รัฐบาลต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ หากต้องการให้บ้านเมืองสงบต้องการเวลาทำผลงานฟื้นเศรษฐกิจ ทางออกของรัฐบาลคงมีทางเดียว คือต้องถอย ยังไม่ตั้ง คณะกรรมการJTC และเริ่มถอยแล้ว เพราะ ครม. 2 ครั้งหลังสุดไม่มีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม
แม้รัฐมนตรีบางคนจะบอกว่า กำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาอยู่ก็ตาม เชื่อว่าตราบใดรัฐบาล ยังไม่ตั้งคณะกรรมการJTC เท่ากับยังไม่มีการเดินหน้าเจรจา รัฐบาลก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิด ม็อบก็ไม่สามารถยกเอาเหตุผลใดมาขับไล่ได้ ส่วนจะแก้ปัญหาหลังจากถอยแล้ว จะทำอย่างไร คือการบ้านของ”นายกฯอิ๊งค์” ที่จะต้องใช้วุฒิภาวะ ในการตัดสินใจ ในฐานะผู้นำประเทศ ว่าจะจบปัญหานี้ ด้วยวิธีการใด เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“นพดล ปัทมะ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งครั้งหนึ่งในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ เคยถูกกล่าวหาว่าทำให้เสียดินแดน กลายเป็นคนขายชาติ มาแล้วได้ออกมาเรียกร้องไปยังกลุ่มการเมือง บุคคคลที่ปลุกกระแส MOU44 ว่าอาจทำให้ไทยเสียดินแดนนั้นต้องยุติการกระทำเสียที เพราะเป็นการใช้ความเท็จสร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
กระทบความมั่นคงของประเทศเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อปี 2551 ที่ตนเองถูกโจมตี ทำให้ไทยเสียดินแดนจากกรณีปราสาทเขาพระวิหาร พร้อมกับเสนอทางออก เรียกร้องให้ใช้กลไกของรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เปิดประชุมรัฐสภาให้ สส.ฝ่ายรัฐบาล สส.ฝ่ายค้าน และสว. ได้อภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาข้อขัดแย้ง MOU44 หาทางออกร่วมกัน
โดยที่คนจัดม็อบสามารถคุยผ่านตัวแทนในสภาได้ ซึ่งนับเป็นข้อเสนอ ที่เป็นทางถอยให้กับ”นายกฯแพทองธาร” ได้เป็นอย่างดี หลัง ครม.ยื้อเวลาตั้งคณะกรรมการ JTC มาแล้ว 2 สัปดาห์ และม็อบก็ยังไม่เคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการยังประเมินสถานการณ์ขั้นต่อไปไม่ออก ส่วน “นายกฯอิ๊งค์” จะเลือกทางออกนี้หรือไม่ หรือจะเดินหน้าต่อ ด้วยวิธีการเดิม สุมไฟ เรียกแขก เชิญม็อบออกมาลงถนน ก็ต้องติดตามกันต่อไป
แต่ ณ เวลานี้ทางออก หรือแนวทางการซื้อเวลาปรากฏมาแล้ว 1 เส้นทาง และแนวทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการล้มเลิกความคิดนี้ พักเอาไว้ก่อนแค่นี้ หรือ ผุดแนวทางใหม่อีก เช่นการทำแระชามติ ก็เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะพอมีแล้ว แต่จะเลือกทางลงแบบไหน จะจบสวยหรือไม่ จะถูกใจกองเชียร์ หรือไม่ เชื่อว่า”นายกฯอิงค์” คงต้องใช้เวลาอีกหน่อย จึงจะฟันธงทางออกของเรื่องนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews