Home
|
ข่าว

โอ๊ย! ทองร่วงแรงอีก

 

 

 

เปิดทิศทางราคาทองเดือนธันวาคมส่งท้ายปี 2567 หลังจากภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ราคาทองในประเทศร่วงไป 1,250 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่สัปดาห์สุดท้ายของเดือน 11 ราคาผันผวนสุดขีด

 

 

โดยเริ่มต้นวันแรกของสัปดาห์ จันทร์ที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ราคาทองปรับขึ้นลงมากถึง 28 ครั้ง ปิดตลาดราคาปรับลง 450 บาท ถัดมาวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน ราคาทองยังร่วงต่อเนื่องอีก 600 บาท ส่วนวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน แม้ว่าช่วงเปิดตลาดการซื้อขาย ราคาจะไม่เปลี่ยนแปลงแต่ตลอดทั้งวันปรับขึ้น 16 ครั้ง หรือแม้กระทั่งวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน เปิดตลาดราคาดิ่งลงทันที่ 350 บาทและล่าสุด ราคาทอง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน ราคาทองปรับ 1 ครั้ง ลง 150 บาท

 

 

ทองคำแท่ง รับซื้อ 43,000 บาท ขายออก 43,100 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 42,220 บาท 60 สตางค์ ขายออก 43,600 บาท โดยราคาทองโลก หรือ Gold Spot อยู่ที่ 2,651 เหรียญ/ออนซ์ ขณะที่สถานะการถือครองทองคําของ กองทุนทองคํา SPDR ในเเดือนพฤศจิกายน ได้ขายสุทธิ 13.24 ตัน

 

 

สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.คุยกับ “นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ” ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) ถึงภาพรวมราคาทอง โดย “นพ.กฤชรัตน์” กล่าวว่า ราคาทองในขณะนี้อยู่ในช่วงของการปรับฐานหลังจากผ่านทรัมป์เอฟเฟกต์ รวมถึงปัจจัยเรื่องของสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังคงต้องติตดามอย่างใกล้ชิด

 

 

“ภาพรวมๆ ของตลาดทองคำยังเรียกว่าอยู่ในช่วงของการปรับฐานหลังจากที่ผ่านพ้นทรัมป์เอฟเฟกต์แล้วก็ราคาตกลงมาเยอะ ตอนหลังในช่วงที่มีสงครามรุนแรง
ระหว่างรัสเซียยูเครนเมื่อ 10 วันก่อนที่ยูเครนยิงขีปนาวุธระยะไกลไปรัสเซียความตึงเครียดตรงนี้ทำให้ทองคำที่ตกลงมา 250 เหรียญช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนดีดกลับขึ้นมาประมาณ 150 เหรียญเมื่อช่วงอาทิตย์ที่แล้วในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน”

 

 

“นพ.กฤชรัตน์” กล่าวอีกว่าถ้าราคาทองโลก หรือ Gold Spot สามารถที่จะยืน 2,650 เหรียญ/ออนซ์ และดีดขึ้นไปได้ ก็เชื่อว่า แนวโน้มราคาทองคำก็จะเป็นขาขึ้น

 

“ราคาทองคำที่อยู่บริเวณ 2,650 ถ้าสามารถทรงตัวแล้วดีดขึ้นไปได้ในอีกสองวันเราเชื่อว่าราคาทองคำจะกลับเข้าไปสู่แนวโน้มขาขึ้น แต่ว่าการขึ้นทั้งนี้น่าจะไม่ได้ขึ้นแรงเหมือนในอดีตสงครามมันไม่มีสงครามยังอยู่ในช่วงชะลอตัว ดังนั้นในภาพหลักเราคาดว่าราคาเคลื่อนตัวระหว่างกรอบ 2,630 ถึง 2,730 เหรียญ” และเมื่อถาม “นพ.กฤชรัตน์” ถึงกลยุทธ์การลงทุนในทองคำเป็นช่วงจังหวะเข้าซื้อแล้วหรือไม่ คำตอบที่ได้น่าสนใจ

 

 

“กลยุทธ์ตอนนี้เราแนะนำให้เข้าซื้อ เพราะว่าราคามันอยู่ในช่วงปรับฐานลงมาแล้วและอยู่ในช่วงที่ราคาอยู่ใกล้แนวรับสำคัญคือบริเวณ 2,600 ถึง 2,650 ช่วงนี้เป็นช่วงที่น่าซื้อทองไทยก็ปรับตัวลดลงมาเนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าในช่วง 3วันที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าลงมาประมาณ 40 สตางค์ จาก 34.80 บาทมาที่ 34.30 บาท ถึง 34.50 ก็ทำให้ทองไทยหลุดหรือใกล้เคียงบริเวณ 43,000 ดังนั้นทองไทยจึงมีแนวรับที่หลักๆ 42,800 ในระยะสั้นและก็แนวรับอยู่ที่ในช่วง 42,800 ถึง 43,200 บาท เป็นเรื่องของการเข้าซื้อเพื่อลงทุนในระยะกลางและระยะยาว”

 

 

“นพ.กฤชรัตน์” กล่าวอีกว่า ภาพรวมราคาทองในเดือนธันวาคม 2567 เชื่อว่าจะเคลื่อนตัวธรรมดา โดยไม่ทำ All Time High แล้ว เพราะต้องรอว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม 2568 อย่างเป็นทางการก่อนขณะเดียวกับสถานการณ์ของสงครามก็ไม่ได้ลุกลามไปมากกว่านี้แล้ว

 

 

“เราเชื่อว่าเคลื่อนตัวธรรมดาโดยไม่มี All Time High เพราะว่าทุกอย่างก็รอทรัมป์เข้ามาและสงครามก็ดูจะไม่ได้ลุกลามไปมากกว่านี้ ดังนั้นเงื่อนไขอยู่ที่สงคราม ถ้าสงครามไม่ได้ลุกลามไปมากกว่านี้เท่าไหร่เราก็ยังเชื่อว่าราคาน่าจะเคลื่อนตัวในลักษณะของไซด์เวย์ในกรอบที่กล่าวไปแล้วระหว่าง 2,630 ถึง 2,730”

 

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาท่าทีและนโยบายของ “โดนัลด์ ทรัมป์” อย่างใกล้ชิด รวมถึงสถานการการสู้รบรัสเซีย ยูเครนและค่าเงินบาท เพราะปัจจัยเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อการปรับขึ้นลงของราคาทองและความมั่งคั่งของนักลงทุนนั่นเอง


 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube