ไม่แต่ภาพดราม่าการบริหารประเทศ แก้ไขปัญหาภายในประเทศของ “รัฐบาลเพื่อไทย” โดย “นายกอิ๊งค์”ซึ่งกำลังจะมีการแถลงนโยบายครบ 3 เดือนสัปดาห์หน้า ที่ถูกหลายฝ่ายการเมือง นักวิเคราะห์รวมถึงประชาชนที่วิจารณ์ไปถึง ทั้ง “ผลลัพธ์หน้างาน” การเทคแอ๊คชั่นสถานการณ์วิกฤติ ของ “นายกฯ” และ ครม. อย่างน้อย ๆ
ก็เหตุการณ์ ภัยธรรมชาติน้ำท่วม เหนือ-อีสาน และ ภาคใต้ และ ทั้งที่เป็น นโยบายเรือธงที่หาเสียงที่สะดุด ติดขัดหลังถูกเตะตัดขา มาตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา กระทั่งปรากฏการณ์ “เชือดเศรษฐาให้ทักษิณดู” จากการถูก “ศาลรัฐธรรมนูญ”สอยปมจริยธรรมที่ไปตั้ง “รัฐมนตรีถุงขนม” จนนำมาสู่อาการกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะผลักดันนโยบายที่ “ทักษิณ” ไกด์ไลน์ไว้ให้กับ “รัฐบาลอิ๊งค์” ไม่ว่าจะเป็น “แจกเงินหมื่นเฟส2” ให้คนอายุ 60 อัพ ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีกเช่นเดียวกับ การแบ่งผลประโยชน์ทางทะเลกับกัมพูชา ที่ต้องมีการตั้งคณะกรรมการเทคนิคJTCที่เลื่อนมาหลายรอบรวมถึงเรื่องการตั้งบอร์ดแบงก์ชาติ เพราะเหตุว่ามีคำขู่จากหลายฝ่ายรวมถึง “ฝ่ายแค้น” จะนำ “ม็อบสนธิ” ลงถนน
หากแต่สถานการณ์ “นอกบ้าน” ที่ทุกรัฐบาล รวมถึง “รัฐบาลเพื่อไทย” และ “นายกฯอิ๊งค์” จากนี้ ต้องเท่าทันความเป็นไปของโลกทุกมิติ ทั้งดุลอำนาจการเมืองเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ตั้งแต่ความเป็นไปของประเทศมหาอำนาจซีกโลกตะวันตกอย่างสหรัฐฯ ที่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลง “ผู้นำ” ซึ่งส่งผลกระทบกับแนวนโยบายและความสัมพันธ์เดิมกับทุกประเทศทั่วโลก หรือสัญญาณ “สงครามโลกครั้งที่3” ในยุโรปจาก สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน
รวมถึงการรักษาสมดุลความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจซีกโลกตะวันออก อย่างจีนและเหล่าบรรดาประเทศในกลุ่มความร่วมมือต่าง ๆ รวมไปถึงบรรดาประเทศเพื่อนบ้านกับไทยที่ย่อมได้รับผลกระทบหรือในกลุ่มอาเซียน ไม่นับรวมการรับมือความสุ่มเสี่ยงกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติบิดเพี้ยนยากคาดเดาอย่างที่ทุกประเทศรวมถึงไทยกำลังเผชิญ
แต่สถานการณ์การเมืองต่างประเทศที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนวาน และทำท่าจะมีเอฟเฟ็กต์เชิงเปรียบเทียบภาพการเมืองประเทศไทย อันนำไปสู่การมองภาพ ท่าทีรัฐบาลไทยต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งข้างบ้านและที่ไกลบ้านก็คือ กรณี เหตุการณ์ผู้นำเกาหลีใต้ ประกาศกฎอัยการศึกในรอบ40ปี และถูกประชาชนรวมถึงบรรดาส.ส.ฝ่ายค้าน คัดค้านตอบโต้ ด้วยการประชุมด่วนในสภา และมีการโหวตชนะ จนผู้นำต้องยกเลิกกฎอัยการศึกใน 3 ชั่วโมงที่เหตุการณ์นี้นอกจากจากจับตาจากทั่วโลก ในไทยเอง ส.ส.ฝ่ายค้าน พรรคเด็ก-ประชาชนอย่าง “รังสิมันต์ โรม”
ก็ออกมา แสดงความเห็นเชิง เทียบเหตุสภาฯ เกาหลีใต้ยกเลิกกฎอัยการศึก มองย้อนกลับมารัฐสภาไทยที่ควรต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญให้เข้มแข็ง โดยมองว่าหลักการสำคัญทั่วโลกคือทหารต้องอยู่ภายใต้พลเรือนถือว่าเป็นทิศทางที่ดีที่หวังว่าจะมีการสร้างความเข้มแข็งตามประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำให้มีความเข้มแข็ง
ซึ่งจะสะท้อนเจตจำนงของประชาชน เป็นวิธีการที่จะตอบโต้เมื่อมีคนที่พยายามจะใช้อำนาจบางอย่างเพื่อนำไปสู่การทำรัฐประหาร และการปรับปรุงกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎอัยการศึก ที่เป็นกฎหมายโบราณให้อำนาจกับฝ่ายทหารระดับสูง จึงคิดว่าควรมีการทบทวนกฎหมายฉบับนี้ รวมถึงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 สามารถใช้อำนาจเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา
โดยโรมบอกเวยว่า ได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ยังค้างอยู่ในรัฐสภาในขณะที่ “นายกอิ๊งค์” มาในแนว ว่าได้รับรายงานจาก รมว.ต่างประเทศแล้ว ถึงสถานการณ์ใน เกาหลีใต้ โดยหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็วต่อไป… และขอให้คนไทยที่อยู่ในเกาหลีใต้ยังคงใช้ความระมัดระวังหลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมนุม ติดตามข่าวสารของทางการและสถานทูตไทยอย่างใกล้ชิด…
กระนั้นอีกมุมหนึ่งก็มีการประเมินถึงท่าทีในด้านความมั่นคงต่างประเทศของรัฐบาลไทย รวมถึงกองทัพจากนักวิชาการและนักสังเกตการณ์หลายฝ่าย ว่า ยังตอบรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศในมิติความมั่นคงน้อยไปหรือไม่ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้านหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง2-3สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เริ่มมีเสียงวิจารณ์รัฐบาลเรื่องผลประโยชน์กับเพื่อนบ้าน อย่างที่วันก่อน “ไพศาล” อดีตกุนซือรองนายกฯ “ลุงป้อม” โพสต์FB ทำนอง มีเหตุการณ์หลายกรณีที่เกิดขึ้นแต่ไม่มีแอ๊คชั่นจากรัฐบาล
ไม่แต่กรณี MOU44 แต่ยังมีกรณี ว้าแดงบุกเข้ามาในพื้นที่ไทย กรณี พม่ายิงเรือประมงไทยทำให้ลูกเรือเสียชีวิต 2 คน กรณี เขมรเข้ามาตั้งฐานที่เขาตาควาย เป็นฐานระดับกองร้อยเหมือนกัน กองทัพภาคที่ 2ก็ต้องการผลักดันออกไป แต่นักการเมืองเพิกเฉยไม่ไยดี และ กรณีการยกเลิกการซ้อมรบของทหารเรือทั้งที่อยู่ในน่านน้ำไทยเพราะเกรงใจเขมร โดย “ไพศาล” ทิ้งท้ายทำนองติงกองทัพ และนักการเมืองในการรักษาเอกราช อธิปไตย และผลประโยชน์แห่งชาติด้วย.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews