ทองขึ้นฉ่ำๆ แรงมาก
ร้อนแรงซะเหลือเกินสำหรับราคาทองต้นปี 2568 ที่พุ่งทะยานขึ้น เพราะเพียงแค่ 3 วันระหว่างวันที่ 1-3 มกราคม ราคาทองในประเทศปรับขึ้นแล้ว 900 บาทต่อบาททองคำ ก่อนที่จะปรับลง 150 บาทต่อบาททองคำในเช้าวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2568
โดยล่าสุด ราคาทองคำแท่ง 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ รับซื้อบาทละ 43,050 บาท ขายออก 43,150 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 42,281 บาท 24 สต. ขายออก 43,650 บาท ส่วนภาพรวมปี 2567 ราคาทองปรับขึ้น 8,750 บาทต่อบาททองคำ
ทั้งนี้ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ได้คุยกับ “นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ” ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด ถึงแนวโน้มทิศทางราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot และราคาทองในประเทศปี 2568 โดย “นพ.กฤชรัตน์” กล่าวว่า ในไตรมาส 1 เชื่อว่าราคาทองจะไม่ไปไหนไกล เพราะรอดูนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่อย่างเป็นทางก่อน
“โดยภาพรวมในช่วงไตรมาส 1 ผมเชื่อว่าราคาทองจะเคลื่อนตัวไปไม่ไกล เนื่องจากผลจากทรัมป์เอฟเฟกต์ คือ ตลาดน่าจะรอดูความชัดเจนของนโยบายทรัมป์ ที่จะมี 3-4 เรื่องซึ่งโดยส่วนใหญ่นโยบายจะออกมาในเชิงที่ทำให้ดอลลาร์แข็ง การที่ดอลลาร์จะแข็งขึ้นมา น่าจะเป็นผลลบต่อราคาทองคำ แต่ว่าถ้าภาพรวมของการแข็งค่า น่าจะมาจากเรื่องของสงครามการค้า แล้วก็การตั้งกำแพงภาษี ดังนั้นในไตรมาส 1 ผมคิดว่าราคาทองน่าไปไหนไม่ไกลหรืออาจจะร่วงลงมาบ้างแต่ก็ไม่น่าจะลึก ในลักษณะของการรอดูข่าวที่ชัดเจน”
“นพ.กฤชรัตน์” วิเคราะห์ต่อว่า ราคาทองในช่วงจังหวะไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้ คาดว่า ราคาจะค่อยๆปรับตัวสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากนโยบายของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งเกี่ยวข้องกับสงครามรัสเซีย ยูเครน รวมทั้งเรื่องสงครามการค้า และการลดดอกเบี้ยนของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด
“สำหรับในไตรมาส 2 -3 ผมเชื่อว่าราคาทองจะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้น เพราะว่านโยบายต่างๆของทรัมป์ มันไม่น่าจะทำได้ตามที่พูดทั้ง 100% อาจจะทำได้แต่สัมฤทธิ์ผลหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของสงครามรัสเซียกับยูเครน รวมทั้งเรื่องสงครามการค้า ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจน ในการตอบโต้ของจีนหรือประเทศอื่นๆ ซึ่งตรงนี้มันจะนำมาสู่แรงที่จะทำให้ดอลลาร์มีสิทธิ์กลับมาอ่อนในช่วงไตรมาส 2-3 โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการลดดอกเบี้ยของเฟด ที่น่าจะเริ่มมาลดในช่วงไตรมาส2”
และเมื่อถามถึงแนวโน้มราคาทองคำในปี 2568 จะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ระดับราคาเท่าไร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ตอบชัดว่า Gold Spot 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนทองไทยบาทละ 47,000 ต่อบาททองคำ
“สิ่งที่นักลงทุนน่าจะพบในปีนี้ก็คือความผันผวน ความไม่แน่นอนของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพที่ทรัมป์อาจจะมีการพูดหรือทวิตหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่จะทำให้มีความผันผวนในเชิงของการลงทุนค่อนข้างมาก เพราะว่าตั้งแต่ทรัมป์ 1 แล้วก็จะเห็นได้ว่าความผันผวนของการลงทุนมีมาโดยตลอด
จากการที่เค้าได้เข้าทวิตเตอร์อยู่เรื่อยๆ ทำให้พวกบรรดากองทุนหรือบรรดานักลงทุนรายใหญ่บางทีก็เล่นข่าว ก็ทำให้ข่าวเข้าไปใกล้ชิดกับทั้งตลาดหุ้น ตลาดทองคำหรือเรื่องของดอลลาร์เอฟเฟกต์ก็จะมีเยอะ ดังนั้นภาพรวมหลักๆคือขึ้นแต่จะเป็นการขึ้นแบบเหวี่ยง อย่างน้อยที่สุดเรามองว่าขึ้นคือ 10% ดังนั้นทองตลาดโลกก็มีโอกาสที่จะเห็น 3,000 ทองไทยก็น่าจะเห็นบริเวณ 46,000 ถึง 47,000 ต่อบาททองคำ”
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อราคาทองคำอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายทางเศรษฐกิจหลัง “นายโดนัลด์ ทรัมป์” เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ รวมถึงภาวะสงคราม และ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด เพราะเชื่อแน่ว่าทุกประเด็นย่อมส่งผลต่อราคาทองนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews