ลอบสังหารอดีตส.ส.เขมร “ลิม กิมยา” ลาม “ทักษิณ-อิ๊งค์”
จังหวะที่การเมืองไทย กำลังพูดถึงการ ปรับครม. และ อายุขัย ของรัฐบาล จะอยู่ครบเทอมหรือจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ในช่วงไตรมาสแรกของปี68 ที่มีหลายเรื่อง รวมจ่อ ๆ ทั้งการเตรียมเปิดศึกซักฟอกจากฝ่ายค้าน การตรวจสอบโดย “นักร้อง”และ “ม็อบรวมกันเฉพาะกิจ”ที่จ่อลงถนนที่ทุกคนหันดูไปที่ “สัญญานมือ”ของ “นายกตัวจริง”อย่าง “ทักษิณ”ผู้เป็นบิดาของ “นายกอิ๊งค์”ที่ล่าสุดออกมาประกาศย้ำว่า “รัฐบาลจะอยู่ครบเทอม”จะมีการเลือกตั้งปี2570” พลันก็มาเกิด “เหตุตัดแทรก”กับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ “การลอบสังหาร” “ลิม กิมยา”อดีตส.ส.ฝ่ายค้านเขมร บริเวณย่านบางลำพูหน้าวัดบวรนเวศ ช่วงเย็นเมื่อวาน(7ม.ค.)
ที่แม้ในเชิงคดีจะมีความคืบหน้า โดย น.1 “พล.ต.ท.สยาม บุญสม” ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสั่งการ ให้เร่งล่าตัวคนร้าย ที่ศาลได้อนุมัติหมายจับออกมาแล้ว โดยยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง และเชื่อว่ามีการว่าจ้าง – มีคนชี้เป้า ขอตรวจสอบก่อนกับข้อมูล ที่ว่า ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตนาวิกโยธิน แต่ในมิติการเมือง-ความมั่นคงระหว่างประเทศ เรื่องนี้ เริ่มถูกมองถึงผลกระทบ ระหว่าง รัฐบาลไทย กับ เพื่อนบ้านอย่าง “กัมพูชา” โดยเชื่อมต่อกับภาพ ความเคลื่อนไหวให้ยกเลิก“MOU44”ที่มีภาพซ้อนความสัมพันธ์ระหว่าง “ทักษิณ”กับ “ฮุนเซน”อดีตนายกฯ ผู้เป็น พ่อของ “ฮุนมาเน็ต” นายกฯเขมรคนปัจจุบัน”ยังคาราคาซัง เพราะมีคนยื่นร้องให้ “องค์กรอิสระ”ตรวจสอบ
ยิ่งมีข้อมูลว่า “อดีตส.ส.ฝ่ายค้าน”รายนี้เป็นที่รู้จักของคนเขมร ว่า เป็นไม้เบื่อไม้เมา และมีบทบาทสำคัญคนหนึ่งในการตรวจสอบรัฐบาลทั้งในอดีตของ “ฮุนเซน”และรัฐบาลปัจจุบันของ “ฮุนมาเน็ต”จนต่อมาถูกยื่นยุบพรรคตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี ก็ยิ่งทำให้หลายฝ่ายจับตาในท่าทีของ “รัฐบาลไทย”ต่อเรื่องนี้ อย่างที่ “กัณวีร์ สืบแสง”สส.พรรคเป็นธรรม ฟันธงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือการ “กดปราบข้ามชาติ” ที่ไม่ใช่กรณีแรก ที่ผู้ลี้ภัยหนีมายังประเทศหนึ่ง และมีการร่วมมือกันไม่ว่าจะเป็นอย่างเปิดเผยหรือในทางลับ ทำให้เกิด “การกดปราบข้ามชาติ”เหมือนกรณีของ “นายวันเฉลิมสัตย์ ศักดิ์สิทธิ์”นักเคลื่อนไหวชาวไทย ที่หายตัวในกัมพูชา ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้วทางการไทยได้ส่งตัว “อดีตนักเคลื่อนไหว” ชาวกัมพูชากลับไปกัมพูชา ซึ่งสะท้อนให้เห็นความหย่อนยานในกระบวนการกฎหมายของไทย
โดย “กัณวีร์”ยังเชื่อว่ามีความร่วมมือระหว่าง ไทย-เขมร เพราะทำเรื่องนี้มานาน และช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีอดีตนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของฝั่งกัมพูชา มาเสียชีวิตในพื้นที่ภาคอีสานของไทยอย่างต่อเนื่อง จึงสงสัยว่าเมื่อไรรัฐบาลจะให้ความสำคัญเรื่อง“การกดปราบข้ามชาติ”อย่างจริงจังต้องไม่เป็นเครื่องมือ ทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีกฎหมายและประเพณีปฏิบัติระหว่างประเทศที่ยึดเป็นหลักการไม่ส่งกลับ
โดยเฉพาะม. 13 ของ “พรบ.อุ้มหาย”ที่ระบุว่าไทยไม่สามารถผลักดันคนที่หนีการประหัตประหาร กลับไปที่ประเทศต้นทางได้ แต่ที่เลวร้ายคือปล่อยให้ มีการ ประหัตประหารในพื้นดินไทย ซึ่งผิดทั้งกฎหมายในประเทศ และหลักการระหว่างประเทศ จึงขอเรียกร้องไปยัง “นายกฯอิ๊งค์”ว่า แม้ประเทศไทยจะยังไม่ลง “สัตยาบันในอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัย” แต่เรามีทั้งกฎหมายระหว่างประเทศและในประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ยังไงต้องรับผิดชอบ เพราะมีคนมาตายในประเทศไทย
แต่ต้องขยายความให้ได้ว่าเขาเป็นผู้ลี้ภัยจริงหรือไม่ เราต้องให้ความคุ้มครองคนที่อยู่ในประเทศไทยไม่ว่าเขาจะสัญชาติอะไร ซึ่งการที่ผู้ลี้ภัยทางการเมืองมาเสียชีวิตในประเทศไทยมีมานานแล้วเรื่องก็เงียบมานานแล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องไม่เงียบอีกต่อไป
เช่นเดียวกับ “โตโต้”‘ปิยรัฐ‘จากพรรคเด็ก-ประชาชน ที่ออกมาแถลงข่าว เรียกร้องให้รัฐบาลไทยจับกุมคนร้ายให้เร็วที่สุด เพราะนอกจาก“ลิม กิมยา”จะเป็นบุคคลสำคัญของพรรคฝ่ายค้าน CNRP ซึ่งเคยถูกศาลประเทศกัมพูชาตัดสินยุบพรรค ตัดสิทธิ สส.ของพรรคไป 118 คน ซึ่งกรรมการบริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องถูกจับกุม ส่วนลูกพรรคหลายหลายคนต้องลี้ภัยออกต่างประเทศ แต่ “ลิม กิมยา” ยังยืนยันจะต่อสู้ในประเทศ แถมอภิปรายแฉการคอรัปชั่นของ “รัฐบาลฮุน เซน”ทำให้ต่อมาเขา ถูกศาล “แบล็คลิสต์”ไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถึง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา และ พรรคเขาไม่ได้เข้าสู่การเลือกตั้งปี61 เรื่องนี้สำคัญ เกิดเหตุในไทยในขณะที่เราเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
ซึ่งรัฐบาลควรตอบคำถามให้ชัดเจนโดยเฉพาะ “ข้อครหา”ที่ทั้ง “นายกอิ๊งค์”และ“ทักษิณ”สนิทสนมกับ “ฮุน เซน” เพื่อไม่ทำให้เกิดเป็นไฟลามทุ่ง หรือน้ำผึ้งหยดเดียว เรื่องนี้ต้องไม่ทำให้เป็นเรื่องปกติเพราะทุกคนทราบดีว่าอดีต สส.ท่านนี้ มีการเคลื่อนไหวในกัมพูชา แต่เข้ามายังประเทศไทยยังไม่ถึงวันก็ถูกสังหารรัฐบาลไทยจะต้องพิสูจน์ข้อครหานี้ หากมีการจับกุมได้โดยเร็วที่สุดก็จะคลายข้อสงสัยนี้ไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
