สตม. ยันคุมเข้ม! ต่างชาติเข้าไทยป้องกันเหตุอาชญากรรม
พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยถึงแนวทางการสกัดกั้นกลุ่มชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนที่ปัจจุบันมักอาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อหลอกผู้เสียหายไปยังประเทศเพื่อนบ้านและขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานปล่อยสัญญาณก่อเหตุอาชญากรรม
โดย พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีการเคร่งคัดและคัดกรองชาวต่างชาติที่อาจมีพฤติกรรมเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมในประเทศไทยและมีพฤติการณ์ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดการอยู่ในประเทศไทย แต่กรณีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อาจเข้าข่ายไม่พบความผิดปกติในกลุ่มบุคคลที่เดินทางเข้ามา ซึ่งหลังเกิดเหตุทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนติดตามกระบวนการตั้งแต่ผู้ที่เข้ามารับคนจากสนามบินออกไปทางประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงการเดินทางเข้าประเทศและความถี่ในการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์และเก็บไว้ในฐานข้อมูลสำหรับใช้ในการสืบสวนสอบสวน
ส่วนกรณีกลุ่มคนจีนที่เข้ามาตั้งฐานกระบวนการคอลเซ็นเตอร์โดยการติดตั้งกล่องซิมส์บ็อกซ์ไว้ในประเทศไทยก่อนเดินทางออกนอกประเทศนั้น พล.ต.ต.พันธนะ ยืนยันว่า หากพนักงานสอบสวนพบความผิดและมีการออกหมายจับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะมีการทำแบล็คลิสต์ แต่หากสืบสวนแล้วไม่พบการกระทำความผิดที่ชัดเจนเจ้าหน้าที่จะใช้วิธีการขึ้นวอทช์ลิสต์ไว้ แต่หากพบมีการเดินทางเข้าประเทศอีกก็จะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามพฤติกรรม
ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวถึงแนวทางการสกัดกั้นเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า
ทาง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตำรวจคนตรวจคนเข้าเมือง ประสานการปฎิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในตำรวจเองก็จะมีตำรวจสันติบาลและตำรวจไซเบอร์ เพื่อที่จะรับทราบข้อมูลว่าบุคคลใดมีพฤติการณ์ที่ควรจะเฝ้าระวัง และน่าเชื่อว่าจะมาก่อเหตุในลักษณะของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน คือเดินทางมาที่ประเทศไทยโดยสายการบิน
จากนั้นเดินทางต่อไปยังประเทศที่สาม เพื่อไปประกอบการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ก็ยังมีการสกัดกั้นในส่วนของคนไทยที่จะออกไปร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำการหลอกคนไทยด้วยกัน โดยสกัดกั้นไม่ให้ออกเดินทางไปนอกประเทศได้
อย่างไรก็ยอมรับว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัจจุบันเป็นปัญหาของทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาทางตำรวจมีการปราบปรามอย่างจริงจัง และมีการจับกุมได้อยู่ตลอด โดยส่วนมากประเทศไทยจะมีปัญหาเรื่องสแกมเซ็นเตอร์ที่อยู่เพื่อนบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องมีการสกัดกั้นทั้งตัวคนและสกัดกั้นสัญญาณโทรศัพท์ไม่ให้กระจายออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และสกัดกั้นอุปกรณ์เครื่องมือเกี่ยวกับการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นซิมบล็อก ไม่ให้นำมาใช้ในประเทศไทย และจะยกระดับความร่วมมือให้เป็นระดับภูมิภาค ทั้งนี้ในกรณีการหลอกเยาวชนไปทำงานแก่คอลเซ็นเตอร์ก็มีการป้องกันโดยมีการสร้างความรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews