ทรัมป์ 2.0 ป่วนโลก
ป่วนกันทั้งโลกกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” ที่ทวีความเข้มข้นมากขึ้นกับหลายประเทศคู่ค้า
ล่าสุด “ประธานาธิบดี ทรัมป์” ขู่ขึ้นภาษีไวน์-แชมเปญจากสหภาพยุโรป 200% หากไม่ยกเลิกภาษีนำเข้าวิสกี้สหรัฐฯ ซึ่งการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวของสหภาพยุโรปนั้น เพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐฯที่เรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากยุโรป
นักวิเคราะห์ ชี้ว่า คำขู่ของ “ทรัมป์” ในประเด็นเรื่องภาษี ส่งผลให้ภาคการค้าระหว่างประเทศมีโอกาสปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย ระบุว่า สหรัฐฯ จะมีการบังคับใช้ภาษีตอบโต้จากทุกประเทศในวันที่ 2 เม.ย. 2568 โดยสภาหอการค้าไทยฯ คาดว่า สหรัฐฯ จะพิจารณาเป็นรายประเทศที่มีการเกิดดุลการค้าสหรัฐฯพร้อมประเมินว่าจะมีราว 50 ประเทศ และอาจมีไทยติดอยู่ด้วย เนื่องจากไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากขึ้น โดยในปี 2017 อยู่ลำดับที่ 14 ส่วนปี 2024 อยู่ลำดับที่ 11
นอกจากนี้ ไทยยังเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราที่สูงกว่า โดยล่าสุดรายงานของ USTR เผยอัตราภาษีนำเข้าจากสหรัฐที่อยู่ระดับสูง โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 27% และสินค้าอื่น ๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 7.1%เทียบกับของสหรัฐในด้านสินค้าเกษตรอยู่ที่ 5% ส่วนสินค้าอื่นๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 3.1% ขณะที่อัตราภาษีศุลกากรเฉลี่ยของสินค้าทั้งหมดอยู่ที่ 9.8% ซึ่งสูงกว่าสหรัฐฯ เกือบ 3 เท่า
และเนื่องด้วยไทยพึ่งส่งออกสูง โดยคิดเป็นสัดส่วน 64% ของ GDP และส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯคิดเป็นสัดส่วน 17% ทำให้ “เศรษฐกิจไทย” มีความเสี่ยงมากขึ้น ในการหลีกเลี่ยงแรงกระแทกของ TRADE WAR 2
สำหรับผลกระทบสงครามของการค้าต่อเศรษฐกิจไทย ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดว่า มาตรการภาษีของรัฐบาล TRUMP 2.0 จะมีผลทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยลดลงราว 56,067 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว ลบ 0.30% ของ GDP
ขณะที่ “ดร.สมชัย จิตสุชน” ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ สะท้อนภาพของความเข้มข้นของนโยบาย TRUMP 2.0 ที่มีต่อเศรษฐกิจ โดย “ดร.สมชัย” กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า TRUMP 2.0 มีความเข้มข้นรุนแรงมากกว่า TRUMP 1
“ถ้าเทียบทรัมป์ 1 กับ ทรัมป์ 2 ซึ่ง ทรัมป์ 1 ก็เป็นคนที่เริ่ม TRADE WAR แต่ถ้าเทียบกันแล้ว ดีกรีความเอาจริง เอาจังของทรัมป์ในการใช้นโยบายขึ้นภาษี ผมว่าเป็นไปได้ที่ ทรัมป์ 2 จะแรงกว่า”
ดังนั้นเมื่อ TRADE WAR เข้มข้นรุนแรง แผนการรับมือของประเทศไทยเป็นอย่างไร ล่าสุด นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ได้หารือร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.
โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญและตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างมากโดยได้มีการตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ ขึ้นมาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับมือเรื่องนี้แล้ว รวมถึงได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับแผนการดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์และทันกับบริบทต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าด้วยความรู้ความสามารถของภาคเอกชนสามารถที่จะช่วยรัฐบาลได้อย่างมาก และรัฐบาล พร้อมร่วมมือกับภาคเอกชนในด้านต่าง ๆ รวมถึงการหาแนวทางรับมือผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่อาาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงการใช้ศักยภาพด้านสินค้าเกษตรของไทยในการรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจดังกล่าวด้วย
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการดำเนินนโยบายของ “ประธานาธิบดี ทรัมป์” อย่างใกล้ชิด เพราะทุกการขยับทุกการขับเคลื่อน ย่อมหมายถึงการค้าโลกที่จะปั่นป่วนมากขึ้นนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews