วัคซีนทิพย์-ลุงวิบวับ
@ออกอาการสะดุ้งหนักเข้าไปอีก สำหรับตัวเลขนิวไฮวันนี้(26พ.ค.)กับยอดผู้เสียชีวิตจาก”โควิด”ประเทศไทย ที่พุ่งสูงถึง 41 คน สะสม 873 ติดเชื้อเพิ่ม 2,455 จำแนกเป็น ติดเชื้อใหม่ 1,976 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 479 ราย หายป่วยกลับบ้าน 2,571 ราย สะสม 137,894 ราย โดยเฉพาะที่น่าห่วงคือตัวเลขผู้ป่วยอาการหนักกว่าพันคนจากจำนวน 4 หมื่น ที่แม้จะออกข่าวมีการขยายโรงพยาบาลสนามหลายพื้นที่รองรับ แต่ตัวเลขการติดเชื้อเพิ่มก็ยังปริ่มๆกับยอดผู้หายป่วย ไม่นับรวมการเฝ้าระวังโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ อินเดีย ที่มาใหม่ ไม่ให้หลุดออกจากวงเข้ามาสู่ “คลัสเตอร์ใหม่ๆ”ที่กำลังระบาดในเมืองหลวงกรุงเทพปริมณฑล ที่ผลส่วนหนึ่งมาจากอาการหลวมของผู้คนในรัฐบาล ไล่ตั้งแต่”คลัสเตอร์ทองหล่อ”
@จนมาถึงการบริหารจัดการสถานการณ์ตัดสินใจปล่อยคนหยุดยาวสงกรานต์ที่ทำให้เชื้อโควิดอังกฤษบานกระจายไปทุกทิศทั่วไทย จนมาถึงการจัดการ”หน้างาน”ที่”ลุงตู่”ลงมาดูเอง ขอให้ประชาชน”ยอมเจ็บแต่จบ”อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ร้านรวงปิดกันอีกครั้งตั้งแต่ 1พ.ค. จนถึง 14พ.ค. แต่ก็ยังไม่ได้ผล แถมยังมีโจทย์เพิ่มจากโควิดพันธุ์ดุ ที่แม้จะงัดมากันทุกมาตรการทั้งโหมดถนัดกฎหมาย และมาตรการความมั่นคง แล้ว ก็ยังเอาไม่อยู่ แถมยังมี”รั่ว”จาก”ฝ่ายปฏิบัติ”ทั้งเรื่องบ่อน ทั้งเรื่องชายแดน
@จน”ลุงตู่”ต้องหันมาหวังพึ่ง”วัคซีน”เป็นทางออก แต่ก็ติดปัญหา ประชาชนไม่มั่นใจ เพราะเป็น”วัคซีนม้าเต็ง”ไม่มีตัวเลือกนอกจาก 2 ยี่ห้อ “ซิโนแวค”กับ”แอสตราเซเนกา”แถมเมื่อฉีดให้กลุ่มแรก บุคลากรทางการแพทย์ เกิดเอฟเฟ็กต์ผลข้างเคียง จนทำให้คนในกลุ่ม2 “ผู้สูงอายุ”และ”7โรคเสี่ยง” ไม่กล้าจองฉีดผ่าน”หมอพร้อม” จนต้องร้อนถึง”3อาจารย์หมอ”โรงเรียนแพทย์ ออกมาช่วยพูดรวมถึง”ศิลปินดารา”มาช่วยรีวิวฉีด และรณรงค์”วัคซีนที่ดีที่สุดคือฉีดให้ไวที่สุด” ขณะอีกด้านก็ให้”กระทรวงดีอีเอส”ไล่ทุบทั้ง”สื่อ”ทั้ง”โซเชียล”ที่แพร่ข่าวปลอม จนพอที่”ผู้คน”จะกลับมาจองฉีดเพราะกลัวกับ”คลัสเตอร์ใหม่”ที่ระบาด แถมยังมีข่าว”สายพันธุ์อินเดีย”ก็ยิ่งทำให้ผู้คนแห่ไปจองฉีดแบบ”วอล์คอิน”จน”ลุงตู่”ต้องรีบเบรกเพราะเริ่มมีเสียงบ่น”ไปเก้อ”
@เรียกว่าสถานการณ์พลิกมาในจุดที่คนยอมฉีดวัคซีน และจากที่”ลุงตู่”พูดไว้ชัดว่าจะเร่ง”ปูพรม”โดยปลายเดือน พ.ค.วัคซีนแอสตราเซเนกาจะเข้ามาเติมก่อน 1.7 ล้านโดส ที่ภายหลังว่ากันว่ามีการปรับรายงานตัวเลขเหลือ 5 แสนโดส และเดือนมิ.ย. 6 ล้านโดส ตั้งแต่ก.ค. เป็นต้นไปเดือนละ 10 ล้านโดส โดยตั้งเป้าฉีดคนไทยให้ได้ 70% ของจำนวนประชากร โดยจะเริ่ม”คิกออฟ”กันวันที่ 7 มิ.ย. ที่แม้จะมีหลายฝ่ายยังไม่เห็นภาพว่า”ลุงตู่”และ”หมอหนู”จะกระจายฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 5 แสนแบบไหน แต่ก็ยังพอมองข้ามไปได้ หากไม่เกิดภาพปัญหา”การจัดหาวัคซีน”โดยเฉพาะของ”แอสตราเซเนกา”ทั้งที่มีโรงงานผลิตในไทย กลับขึ้นมาอีก ที่เมื่อมีการไปถาม”หมอหนู”กลับอ้อมแอ้มว่า ไม่ได้บอกว่าจะมา 1มิ.ย. แต่หมายถึงภายในเดือนมิ.ย.
@แถมยังมี”สัญญาณ”จาก”นพ.เกียรติภูมิ”ปลัดสธ. ที่บอกว่าแอสตราเซเนกาที่ได้รับมอบในเดือนมิ.ย. น่าจะเป็นการ”นำเข้า”ไม่ใช่การผลิตจากบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ที่ตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย ที่ทำให้มีการมองไปถึง”ความมั่นคง”ด้านวัคซีน ที่รัฐบาลเคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาค เราจะมีวัคซีนผลิตเองใช้เองนั้น เอาเข้าจริงอาจไม่ได้มีอยู่จริง… ที่สำคัญยังอาจเป็น”สัญญาณ”ว่า เมื่อ”สายพานการผลิต”มีปัญหา ลอตอื่นๆที่ตามมาก็อาจจะได้รับช้าตามไปด้วย และอาจกลายเป็น”วัคซีนทิพย์”มากกว่าจะเป็น”วัคซีนในมือ”ที่มีอยู่จริงหรือไม่
@ที่แน่นอนทั้งหมดคนรับหน้าเสื่อยังคงต้องเป็น”ลุงตู่”ที่กำลังจ่อๆจะถูกฝ่ายการเมืองทั้งในสภานอกสภากำลังจ้อง”เช็คบิลการเมือง”อีกไม่กี่วันข้างหน้าเช่นกัน.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news