นี่เป็นภาพบรรยากาศขณะที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ปทุมวัน ได้ควบคุมตัว นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องหาคดีการเสียชีวิตของ น้องชมพู่ เพื่อขึ้นรถผู้ต้องขังไปยังกองบินตำรวจเพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์ต่อไปที่ สภ.กกตูม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมี นางสมพร หรือ ป้าแต๋น ภรรยา และทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขึ้นรถไปด้วย โดยลุงพลมีสีหน้าเครียดเล็กน้อยและไม่ยอมตอบคำถามสื่อมวลชนที่พยายามสอบถามหลายประเด็น เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน. ปทุมวันเปิดเผยว่าลุงพล ให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และปฏิเสธที่จะให้การในชั้นสอบสวนที่สน.ปทุมวันโดยอ้างว่าจะไปให้ปากคำที่ สภ.กกตูม เท่านั้น
ทั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเช้าลุงพล พร้อมด้วยป้าแต๋นได้เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยรถแท็กซี่ เพื่อจะมอบตัวกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าคุมตัวบริเวณห้องโถงอาคาร 1 ตร.พร้อมกับอ่านหมายจับให้ลุงพลฟังซึ่งลุงพลได้ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน ก่อนจะถูกคุมตัวไปบันทึกการจับกุมที่ สน.ปทุมวัน โดยยังไม่มีการเปิดใจใดๆกับสื่อมวลชน
ทางด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ตำรวจดำเนินคดีกับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ตามพยานหลักฐาน เพียง 1 คน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่อสื่อมวลชนได้ แต่พยานหลักฐานที่มี ยืนยันว่า ตำรวจรวบรวมทั้งจากหลักพฤติกรรมมนุษย์ ประจักษ์พยาน วัตถุพยาน หลักฐานวิทยาศาสตร์ นิติวิทยาศาสตร์ รวมไปถึง ไสยศาสตร์ ความเชื่อต่าง ๆ เพียงพอที่จะขอศาลอนุมัติหมายจับ 3 ข้อหา คือ ข้อหา พรากผู้เยาว์ฯ, ทอดทิ้งเด็ก เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย และกระทำการใด ๆ แก่ศพที่อาจผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาใดเพิ่มเติม หรือ พยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงบุคคลใดอีกหรือไม่ ตำรวจจะเดินหน้าสืบสวนสอบสวนต่อเนื่อง พร้อมระบุ คงไม่จำเป็นที่ต้องไปสอบสวนเอง เพราะมั่นใจในทีมสืบสวน พร้อมเปรียบเทียบว่า ขณะนี้ เข้าสู่รอบสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลแล้ว ซึ่งตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสิน ก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ตำรวจจะทำให้ดีที่สุด แต่คดียังไม่จบ เนื่องจาก ในการพิจารณาคดี ยังมีอีกหลายขั้นตอน โดยในชั้นอัยการและชั้นศาล อาจมีความเห็นแตกต่างกับตำรวจ
“จริงๆหลักฐานพูดกันเยอะมากเลย รายละเอียดก็คงเอามาแฉกันไม่ได้ก็ว่ากันไปคือถ้าไม่มีพยานหลักฐานตำรวจขอหมายจับไม่ได้ เราจะตั้งข้อหาใครก็ต้องตามพยานหลักฐานเท่านั้น ตอนนี้มีพยานหลักฐานมีแล้วก็ไปขอหมายเท่าที่มีก็ได้ข้อหานี้มาเดี่ยวท่านต้องถามอยู่แล้วว่าทำไมมีข้อหานี้ข้อหานี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่มี ที่เราได้ข้อยุติในส่วนของทีมสอบสวนตำรวจเราสรุปกันแล้วว่าเอาตรงนี้หลักฐานตามนี้ไปขอหมาย คือมันก็เหมือนคดีอื่นๆที่ทำๆมาบางเรื่องยังปิดไม่ได้ก็มี มีได้บ้างไม่ได้บ้างทำได้ก็ดีก็ดีใจ แต่ว่า ถ้าเทียบกับการแข่งขันฟุตบอลอันนี้เพิ่งเริ่มต้นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ไอ้ที่แข่งมาก่อนหน้านี้รอบคัดเลือก บางทีก็เก่งมากเลยพอรอบสุดท้ายตกรอบก็มี บางทีสภาพไม่ดีแต่มาถึงรอบสุดท้ายอาจจะได้แชมป์ก็ได้ต้องสู้กันอีกหลายศาลก็ว่ากันไปนะครับ ตราบใดที่ยังไม่มีการตัดสินผู้ถูกกล่าวหาก็ถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ทีมตำรวจเราเคยรับปากไว้ว่าจะทำให้ดีที่สุดเราก็ทำตามสัญญาแต่ว่ามันยังไม่จบ เราก็จะทำต่อไป”
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังมองว่าคดีนี้ เป็นเพียงคดีฆาตกรรมปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติ คือ การไต่สวนในโลกโซเชียล เนื่องจาก ภูมิคุ้มกันในโลกโซเชียลไม่พอ จนเกิดปรากฎการณ์ประหลาดในสังคม และเห็นว่า หากหยุดติดตามคดีบ้าง ก็จะให้สุขภาพจิตดีขึ้น ส่วนจะมีการแถลงรายละเอียดในคดีนี้อีกหรือไม่ ขอหารือร่วมกับพนักงานสอบสวนก่อน หากเห็นว่าไม่จำเป็นคงจะไม่มีการแถลง ส่วนที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าการออกหมายจับช่วงนี้เพื่อกลบข่าวการอภิปรายงบประมาณในสภาหรือไม่ต้องไปถามคนที่โยงเรื่องนี้ว่าเอาพื้นฐานความคิดนี้มาจากไหน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news