ชั่วโมงนี้ไม่รู้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือสถานการณ์โควิด-19 อย่างไหนจะร้อนแรงและยากในการเข้าควบคุมได้มากกว่ากัน แต่ทั้งม็อบและโรคระบาดต่างลุกลามตีคู่กันมาโอบล้อมบ้านเราไว้หมดแล้ว เหลือแต่ผู้บริหารประเทศจะบริหารจัดการอำนาจอย่างไร เพราะถ้าล้มเหลวซ้ำและซ้ำเล่า ก็จะไม่เหลือทางเลือกมากนัก ทางออกสุดท้ายอาจเหลือแค่ ยุบสภา ลาออก หรือรัฐประหาร
เมื่อส่องดูม็อบในวันนี้ จะพบแกนหลักๆ อยู่ที่ม็อบทะลุฟ้า ม็อบเสื้อแดง ม็อบสลิ่มกลับใจ คาร์ม็อบ-คาร์พาร์ค และอื่นๆ ที่แม้จะมีรากเหง้าแตกต่างกันไปและมีเป้าประสงค์บรรทัดสุดท้ายไม่สอดคล้องต้องกัน แต่มีจุดร่วมหนึ่งที่ทำให้ผู้คนมาเข้าร่วมแสดงพลัง กรีฑาลงบนถนนกันได้แทบจะทุกวัน คือการหมายมั่น โค่นล้ม พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพวก
ซึ่งถ้าจับการพัฒนาของผู้ชุมนุมในม็อบจะพบว่ามีความรุนแรงมากขึ้นทั้งการแสดงออก วาจา และพฤติกรรม ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าตั้งใจยั่วยุเจ้าหน้าที่หรือไม่ อย่างไร ซึ่งขณะเดียวกันก็ปรากฏภาพของเจ้าหน้าที่ยกระดับการปราบปรามด้วยเช่นกัน จนบางครั้งก็ถูกตั้งคำถามว่า”เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ” หรือไม่ อย่างไร แต่เมื่อความปั่นป่วนเพิ่มมากขึ้น จะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกมองว่าเป็นรัฐที่ล้มเหลวได้
ขณะเดียวกันพรรคการเมือง อย่างฝ่ายค้าน ก็ต่อสู้ในชั้นของนิติบัญญัติ ที่เล่นงานฝ่ายบริหาร ด้วยการเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์และ5 รัฐมนตรี พร้อมกับสู้ด้วยกฎหมาย ไปร้อง พล.อ.ประยุทธ์ต่อศาลคดีอาญา-คดีแพ่ง กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และแก้โควิด-19 ผิดพลาด นอกจากนั้น จากกรณีศาลแพ่งคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้บังคับใช้ข้อกำหนดการควบคุม การเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือนำข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนผ่านสื่อ โดยเฉพาะทางอินเตอร์เน็ต พรรคฝ่ายค้านจึงไปร้อง ป.ป.ช.เอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจโดยมิชอบอีกด้วย
ส่วน ลุงโทนี่ หรือ”ทักษิณ ชินวัตร” โผล่มาในจังหวะเวลาที่ผู้นำคนปัจจุบันถูกโจมตีในหลากหลายเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องการแก้ปัญหาโควิด-19 และเรื่องปากท้องของประชาชน ทำให้ ลุงโทนี่ ผู้มองกระแสได้แม่นยำ ใช้เวที คลับเฮ้าส์ ออกมาโชว์ความเหนือ ฉายวิชั่นการแก้ปัญหาต่างๆ ตามด้วยการแซะ การบลัฟฟ์ด้อยค่าฝั่งตรงข้ามเสมอๆ จนมีคนนำไปเทียบเคียงกับการแก้ปัญหาของรัฐบาลปัจจุบันแล้วแชร์กันว่อนโซเชียล
ฉะนั้นแล้วเมื่อแนวร่วมโค่น พล.อ.ประยุทธ์ มากันพร้อมหน้าพร้อมตา พยายามสร้างความกดดันรัฐบาลให้มากที่สุด ซึ่งกลไกที่ร้อนและแรงที่สุดคือมวลชนคนบนท้องถนน ที่แม้จะไม่มากนัก แต่ล้วนแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความโกรธ ความแค้น ทั้งเรื่องการเมือง เรื่องโรคระบาด เรื่องความสูญเสีย เรื่องปากท้อง จนต้องออกมารายวัน จนทำให้ความสงบสุขในบ้านเมืองห่างไกลไปเรื่อยๆ
และถ้ายังจำได้เมื่อศึกเลือกตั้งปี 2562 ช่วงโค้งสุดท้ายพลังประชารัฐ งัดแคมเปญเด็ดที่ว่า “เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่” ภายใต้ตรรกะ หากประเทศสงบนโยบายอื่นๆก็จะสามารถขับเคลื่อนไปได้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจ และบุคคลที่สามารถทำได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านคือ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น พร้อมฉายซ้ำหน้าประวัติศาสตร์สมัยม็อบตีกัน จนทหารต้องออกรัฐประหาร ยุติสงครามสีเสื้อ นำความสงบมาสู่พี่น้องประชาชน
จากนั้นอีก 2ปี ต่อมา ในพ.ศ.2564 แคมเปญเด็ดนี้ก็ยังใช้ได้ แต่ผู้ชุมนุมคงอยากให้เติมวลีต่อท้ายด้วยเป็นคำว่า “เลือกความสงบจบที่ลุงต้องลาออก” ใช่หรือ ไม่?
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
