ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 กดดันเศรษฐกิจโลก เกิดความผันผวนตามตัวเลขการแพร่ระบาด ทำเอาเศรษฐกิจหลายประเทศชะลอตัวลง แต่ทาง Moody’s หนึ่งในสำนักจัดอันดับ ความน่าเชื่อถือ ชั้นนำของโลกยังคงจัดอันดับไทยไว้ในระดับเดิม
ซึ่งทางสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน. ได้ออกมาเปิดเผยว่า ประเทศไทยยังคงได้คงอันดับความน่าเชื่อถือที่ Baa1 หรือเทียบเท่า BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ระดับมีเสถียรภาพ แม้ว่าในระยะสั้นเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ Moody’s คาดว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 และ ปี 2565 จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ร้อยละ 2 และร้อยละ 5.8 ตามลำดับ เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยและเศรษฐกิจโลกและในระยะยาวการระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในวงจำกัด
ขณะที่ภาคการคลังสาธารณะ ของประเทศไทยมีความแข็งแกร่ง เป็นผลจากนโยบายและการบริหารจัดการทางการคลังที่โปร่งใส รอบคอบและเป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548
ส่วนภาคการเงินต่างประเทศของไทย มีความเข้มแข็ง ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงและสามารถนำมาใช้สนับสนุนการดำเนินมาตรการเพิ่มเติมในอนาคต อีกทั้งนโยบายการเงินมีประสิทธิภาพโดยสามารถคงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำและมีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ Moody’s ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ ของประเทศไทย คือ ความสำเร็จของการดำเนินนโยบายเพื่อเพิ่มศักยภาพ ประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ ปัญหาโครงสร้างประชากรสูงอายุ และปัญหาขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ และปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย คือ ปัจจัยทางการเมืองที่อาจจะส่งผลต่อการกำหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาในระยะยาว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจและภาคการคลังของประเทศ
ดังนั้นแม้ในปัจจุบันประเทศไทยจะยังคงอันดับในการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งทำคือการประคับประคองเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติเพื่อให้อันดับความน่าเชื่อถือยังคงอยู่ในระดับเดิมหรือดีกว่าที่เป็นอยู่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news