Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

ยุลุงตู่เปย์เพิ่ม9หมื่นล.ยาใจปชช.ฟื้นศก.โควิด

เมื่อยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่พุ่งทำนิวไฮ ส่งผลให้เศรษฐกิจได้เริ่มขยับและขับเคลื่อน มีความหวังที่จะลุกสู้ เพื่อก้าวต่อไป

ดังนั้นในห้วงจังหวะที่เส้นกราฟโควิด-19 ยังทรงตัว ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจถูกพูดถึง นั่นเพราะรัฐบาลเตรียมจะอัดฉีด ควบคู่กับการเดินหน้าแก้ปัญหาโควิด-19 โดยมีคะแนนนิยมของรัฐบาลเป็นผลลัทธ์ทางอ้อมล่าสุด มีคำยืนยันจาก “โฆษกรัฐบาล” นายธนกร วังบุญคงชนะ ระบุว่า นายกรัฐมนตรี กำชับภารกิจสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการเป็นอันดับแรกหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นั่นคือ การแก้ปัญหาให้กับบ้านเมืองและประชาชน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาโควิด-19 รวมถึงการเยียวยาและฟื้นฟูประเทศ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะออกมา สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.พาไปพูดคุยกับ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อสะท้อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แบบไหนที่ประชาชนและภาคธุรกิจต้องการ

โดยนายธนวรรธน์ บอกว่า โครงการ”คนละครึ่ง”ถูกอกถูกใจ ประชาชนและธุรกิจ ดังนั้นรัฐบาลควรเพิ่มเงิน “คนละครึ่ง” เป็น 3,000 บาทในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นจังหวะดีและเหมาะสม ทำให้มีเงินเข้ามาเติมในระบบเศรษฐกิจอีกประมาณเกือบ 2 แสนล้านบาท หนุนจีดีพีได้อย่างน้อย 1- 1.5% และอีกหนึ่งมาตรการนั่นก็คือ “ช็อปดีมีคืน” ที่จะเพิ่มเงินในระบบเศรษฐกิจอีก 3 – 5 หมื่นล้านบาทเป็นอย่างน้อย

“สิ่งที่เอกชนเสนอคือ อยากให้รัฐบาล เติมเงินมาตรการคนละครึ่งอีก 3,000 บาท ซึ่งแน่นอนว่า ถ้ารัฐบาลจะเติมเงิน 3,000 บาท ในไตรมาสที่ 4 เลย ก็จะเป็นประโยชน์สูงที่สุด เพราะว่าประชาชนจะได้นำเงิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งตอนนี้มีคนละทะเบียนประมาณ 30 ล้านคน ก็จะมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะโอนเงินไปให้กระเป๋าประชาชนประมาณ 9 หมื่นล้านบาท และจะสมทบด้วย การใช้จ่ายของภาคประชาชนอีก 9 หมื่นล้านบาท ดังนั้นจะมีเม็ดเงินหมุนเวียน เติมเข้ามาในระบบเศรษฐกิจอีกประมาณเกือบ 2 แสนล้านบาท คือ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ ก็จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างน้อยประมาณ 1- 1.5% ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีความคึกคักในช่วงของไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงของการจับจ่ายใช้สอย ช่วงของการท่องเที่ยว และก็เป็นช่วงที่เศรษฐกิจต้องการการฟื้นตัว หลังจากสถานการณ์โควิดคลายตัว และเราเริ่มคลายล็อกดาวน์”

ไม่เพียงแค่ 2 มาตรการเท่านั้น แต่ “นายธนวรรธน์” บอกว่า ยังมีมาตรการที่ 3 นั่นคือ การสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวทั่วไทย ซึ่งทั้ง 3 มาตรการนี้ เชื่อว่า จะหนุนให้ทั้งเศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวใกล้เคียง 2% และก็น่าจะมีมาตรการนึงที่ทุกฝ่ายเห็นพร้อมต้องกันว่าน่าจะทำและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและภาคธุรกิจตรงก็คือ การสนับสนุนเรื่องของการท่องเที่ยวทั่วไทย ซึ่งแน่นอนว่าถ้ารัฐบาลจะโปรโมท โดยที่มีส่วนลด มีค่าใช้จ่าย มอบให้กับประชาชนจูงใจให้ประชาชนเที่ยวในประเทศและค้างคืนภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเที่ยวในช่วงวันระหว่างวันในสัปดาห์ หรือช่วงกลางสัปดาห์ ไม่ใช่ช่วงสุดสัปดาห์ ก็จะทำให้ธุรกิจโรงแรม ภัตตาคารและธุรกิจท่องเที่ยวได้รับอานิสงส์ในเชิงบวก ซึ่งก็ถือเป็นการเยียวยาทั่วไป ผมคิดว่า น่าจะเป็น 3 มาตรการหลักๆ ในการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในช่วงนี้ ซึ่งน่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวได้เป็นอย่างดีในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และก็ทำให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวใกล้เคียง 2%”

จากนี้ต่อไป คงต้องจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพราะนี่ถือเป็นอีก 1 ไฮไลต์สำคัญของการเดินเกมรุกเพื่อสร้างคะแนนนิยมของฝั่งการเมืองที่ ณ วันนี้จำเป็นต้องสร้างพลังเพื่อรับศึกเลือกตั้งในอนาคต รวมถึงยอดผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาจจะกลับพุ่งอีกนั่นเอง

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube