แน่นอนว่าการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1พ.ค.2565 ที่ผ่านมา ทำให้หลายธุรกิจได้ลืมตาอ้าปาก โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ทั้งนี้หากประเมินกันคราวๆ กับยอดต่างชาติเดินทางเข้าไทยปีนี้ กระทรวงการคลัง คาดว่า จะอยู่ที่ 6 ล้านคน ขณะที่ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์
นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ฟันธงกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ตัวเลขต่างชาติเข้าไทยปีนี้มีโอกาสเห็น 7-8 ล้านคน ส่วนเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ร้อยละ 2-3 การส่งออกโตร้อยละ 6-7 แต่อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอย่างใกล้ชิด รวมถึงราคาน้ำมันที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง
นอกจากนี้ “รศ.ดร.สมชาย” กล่าวด้วยว่า มี 4 เรื่องที่รัฐบาลต้องทำ คือ 1.ปล่อยให้ราคาพลังงานปรับขึ้นตามขั้นบันได 2. กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะให้ความช่วยเหลือแบบชัดเจน เจาะจง หลังจากที่ผ่านมาช่วยเหลือเป็นแบบเทกระจาด 3.ต้องเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กับการบรรเทาผลกระทบ 4.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสิ่งที่ภาครัฐต้องระวังมากที่สุดขณะนี้คือ หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น
**(ปล่อยเสียง-นายสมชาย-01) “หนี้สาธารณะที่เห็นชัด เราคุมไว้ที่ 60% มาโดยตลอด เพียงแต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือว่า ปัญหาของหนี้ครัวเรือน ตรงนี้รัฐบาลจะต้องเอาใจใส่ เพราะว่าไปกระทบกับ**ไม่ใช่ปัญหาเศรษฐกิจ แต่สามารถลามไปสู่ปัญหาสังคม และลามไปสู่การเมืองไทยได้ อันนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องคำนึงถึง”
และเมื่อถามต่อว่า ในห้วงจังหวะที่อุณหภูมิเกมการเมืองร้อนฉ่า กับข่าวจ่อล้ม”นายกฯ”เกิดขึ้น ในมุมเศรษฐกิจคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้ ซึ่ง “รศ.ดร.สมชาย” วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจ โดยเขาเชื่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง รัฐบาลจะต้องประกาศยุบสภา แต่ในระหว่างนี้สิ่งที่รัฐบาลจะต้องเจอก็คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และ การพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ซึ่งในมุมมองด้านเสถียรภาพของรัฐบาล มั่นใจว่ายังคงดีอยู่
“ครึ่งปีหลังยังไงก็ต้องมียุบสภา เพราะฉะนั้นโหมดทางการเมืองหนีไม่พ้น ถือโอกาสช่วงที่เหลืออยู่นี้ ถ้าหลังจากที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญผ่านไปแล้ว ก็มี 2 เรื่องที่รัฐบาลต้องเจอ คือ 1.เรื่องของงบประมาณ กับเรื่องที่ 2 การอภิปราย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเอกภาพของภายใน แต่ก็ต้องยอมรับว่าดูจากอันนี้แล้ว ผมก็คิดว่า เอกภาพรัฐบาลยังค่อนข้างใช้ได้อยู่ แม้ว่าจะตัดองค์ประกอบบางส่วนที่เริ่มจะมีการเรียกร้องแตกแยกมาอยู่ด้วยกัน แล้วพวกนี้ก่อนการอภิปรายมักจะมีประเด็นปัญหา แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า แต่ละคนก็อยากที่จะประคองโดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล อยากประคองให้นานที่สุดมากกว่าที่จะให้รีบมีการยุบสภา เพราะถ้าเกิดมีการยุบสภา พรรคที่ได้ประโยชน์คือพรรคฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นในกรณีนี้ ผมก็คิดว่า เสถียรภาพแม้ว่าจะดูแล้วชักจะมีประเด็นปัญหา แต่ผมคิดว่าความจำเป็นในการที่จะรักษาเสถียรภาพเพื่อที่จะประคอง**ให้การเลือกตั้งให้นานที่สุด เท่าที่จะนานได้ แต่ยังไงก็ตามช่วงนี้เป็นเกมที่ต้องเล่น เพราะมันใกล้เลือกตั้งแล้ว”
และนี่ก็เป็นมุมมองด้านเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงการเมืองเข้มข้น ซึ่งจากนี้ต่อไปจะต้องติดตามการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพราะทุกย่างก้าวด้านเศรษฐกิจย่อมเกี่ยวพันกับคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรี ที่ครั้งหนึ่งนั้นฝ่ายค้านถล่มรัฐบาล “แพง จน พัง ทั้งแผ่นดิน” นั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews