ภาพรวมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ยังคงเป็นไปอย่างราบรื่น
แต่มีบางช่วง ที่นายกรัฐมนตรีลุกขึ้นชี้แจงด้วยอารมณ์ หงุดหงิด ฉุนเฉียว ซึ่งได้เรียกร้องให้ฝ่ายค้านอย่าใช้เวทีอภิปรายงบฯ หาเสียง ขณะ “พิธา-ชลน่าน” แย่งประท้วงว่า นายกฯ” ดูถูกสภา ล่วงเกินฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่เหมาะเป็นนายกฯ
โดยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 2 ของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 วงเงิน 3,185 ล้านล้านบาท ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุรองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น.
จากนั้น เปิดให้ สมาชิกได้อภิปรายในภาพรวมและเจาะลึกเป็นรายกระทรวงโดย สส. จากพรรคฝ่ายค้านส่วนใหญ่อภิปรายโจมตีถึงการจัดทำงบประมาณที่ไม่เหมาะสม ไม่ตอบโจทย์ต่อการบริหารประเทศ
อีกทั้งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึง ไม่คำนึงถึงประชาชน และไม่มีความยุติธรรมในการจัดสรรงบประมาณ
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลุงชี้แจงต่อที่ประชุมด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า ตนฟังการอภิปรายของ ส.ส. ขอขอบคุณในคำอภิปรายของ ส.ส.
ซึ่งตนเข้าใจดีและคิดว่ามีความมุ่งหวังให้ประเทศไทยก้าวหน้าเติบโต แต่จากการฟังอภิปราย ช่วงเช้า วันนี้ นั่งฟังไปงงๆ ว่า เป็นการพิจารณางบประมาณ ปี 66 หรือ งบของพรรคการเมืองใหม่ ที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลเวลานี้
ดังนั้นอย่าใช้โอกาสหาเสียงผิดเวที พร้อมยืนยัน การจัดสรรงบประมาณ ต้องการแก้ปัญหาความยากจน แบบพุ่งเป้ารายครัวเรือน เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน สถานการณ์ตอนนี้ ที่ต้องมองร่วมกันคือ ทำอย่างไรให้อยู่รอด รัฐบาลขณะนี้ลำบาก ไม่ใช่สบาย ทุกคนทำงานเต็มที่
ขณะเดียวกัน ได้สร้างการลงทุนต่างๆ วางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อแก้ปัญหาบริหารราชการ โควิด-19 และเตรียมใช้ในการแก้ปัญหาการบริหารราชการ
จากนั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ใช้สิทธิพาดพิง กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในข้อกล่าวหาว่าสภาฯ ถูกใช้เป็นเวทีหากเสียง
โดยพรรคการเมืองที่ไม่เป็นรัฐบาล ข้อเท็จจริงเป็นเวทีพิทักษ์ภาษีประชาชน หากจะติอย่างเดียว ไม่มีสิ่งใหม่นำเสนอ จะถูกมองว่า ใช้เป็นเวทีการเมือง ดังนั้น จึงนำเสนอสิ่งใหม่และตัวอย่างจากต่างประเทศ เพื่อให้รัฐบาลได้เห็น และไม่ต้องกลัว หากถึงเวลาของพวกตนเมื่อไร ทำแน่นอน
ขณะนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประท้วง นายกฯ ด้วยว่า นายกฯ กล่าวหาสภาฯ ให้ร้าย ป้ายสี สภาฯ ทำให้สภาฯ เสียหาย หากตีความคำพูดของนายกฯ คือ รัฐสภาผิดทั้งหมดต่อการเปรียบเทียบการทำงบประมาณ
ทั้งนี้ ในหน้าที่ของสภาฯ คือ สามารถปรับลดงบประมาณ และอนุมัติงบประมาณดังนั้น นายกฯ ไม่ควรแสดงภาวะโยนผิดให้คนอื่น แม้หน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติยังล่วงเกิน ไม่เหมาะจะเป็นนายกฯ หากจะตอบในสภา
ฝากบอกคนเขียนโพย อย่าเขียนโดยใส่อารมณ์มาด้วยเพราะทำให้นายกฯ ตอบมีอารมณ์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews