บรรยากาศที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประชุมกับบริษัทกรุงเทพธนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับโครงการขนาดใหญ่ภายใต้ความรับผิดชอบของกรุงเทพธนาคม
โดยนายชัชชาติ กล่าวถึงประเด็นการวางท่อเพื่อนำสายไฟลงดินว่า ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรมาก มีการแจ้งว่าผู้รับเหมาฉีกสัญญา รวมทั้งมีปัญหาเรื่องการหารายได้ เนื่องจากว่ามีกรอบวงเงินถึง 19,000 ล้านบาทในการจ้างและการหาผู้มาดำเนินการ
ส่วนประเด็นการหารือสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว นายชัชชาติ กล่าวว่า ประเด็นนี้คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน จะเห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ประเด็นสำคัญของการหารือวันนี้คือ การไล่เรียงความเป็นมาของสัญญาจ้างเอกชนเดินรถถึงปี 2585 การอนุมัติจากสภา กทม.
ส่วนการลดอัตราค่าโดยสารให้ต่ำกว่า 65 บาท กรุงเทพธนาคมเป็นเพียงจิ๊กซอว์ตัวหนึ่ง ต้องพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เชื่อว่า จะต่อรองให้ค่าโดยสารถูกลงได้ เพราะการต่อสัญญาสัมปทานสายสีเขียวถึงปี 2602 เป็นการต่อที่ยาวมาก โดยไม่ได้ผ่าน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ
นายชัชชาติ เชื่อว่าจะมีจุดที่สามารถต่อรองให้ราคาการเดินรถถูกลงได้ ส่วนจำนวน 8 สถานี ราคา 25-28 บาท ได้ทำการศึกษาต้นทุนมาแล้ว ราคาอยู่ประมาณนั้น ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่อยากทำ แต่ในเวลาเดียวกันก็มีเงื่อนไขอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะเรื่องหนี้ แต่มองว่าอย่าเอาเรื่องหนี้มาเป็นตัวเร่งรัด
สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่ กทม.ต้องจ่าย เป็นปัจจัยที่ทำให้กำไร-ขาดทุน ต้องเปลี่ยนไป ซึ่งต้องหารือร่วมกับ กทม. กระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) อาจใช้กลไกของสภา กทม.ออกข้อบัญญัติเพื่อให้กู้เงินมาใช้หนี้
ส่วนค่าจ้างการเดินรถส่วนต่อขยาย 1 และ 2 กว่า 4 หมื่นล้าน กรุงเทพธนาคม กำลังทยอยจ่าย ต้องอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นตัวเร่งรัดการแก้ปัญหาระยะยาวเข้าใจว่าสภา กทม.ได้ออกข้อบัญญัติเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อชำระหนี้ 5.5 หมื่นล้านบาท แต่ยังไม่ได้กู้ ต้องดูรายละเอียดให้รอบคอบระมัดระวัง
“ความยากของปัญหาสายสีเขียวคือ เรื่องไม่ได้ค้างอยู่ที่ กทม. จึงไม่มีสิทธิ ทำได้เพียงให้ความเห็นประกอบ ขึ้นอยู่กับว่า ครม.จะดำเนินการอย่างไร จริง ๆแล้วมาจาก ม.44 ที่ให้ต่อสัญญา”
เพราะว่าเรื่องตอนนี้ค้างอยู่ที่ ครม. ซึ่งกทม. ไม่ได้มีสิทธิ์ตรงนั้น กทม. ก็เป็นแค่ ไม่ได้อยู่ในวงนี้ด้วยซ้ำ แต่อาจจะให้ความเห็นประกอบได้ แต่สุดท้ายแล้วขึ้นอยู่กับมหาดไทยขึ้นอยู่กับกระทรวงขึ้นอยู่กับ ครม. จะมองยังไง
นายชัชชาติ ยังระบุถึงเรื่องหนี้ ด้วยว่าหากหนี้เป็นเรื่องจำเป็นทาง กทม. มีข้อบัญญัติในการกู้มาจ่ายหนี้อยู่แล้ว ต้องดูทางออกให้รอบคอบ ส่วนสัญญาภายหลังหารือแล้วยืนยันว่าสามารถเปิดเผยได้เร็วที่สุดแต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอน
ทั้งนี้ ขอยืนยันไม่รู้สึกหนักใจแม้จะรับตำแหน่งเพียง 2 วันแต่ต้องหารือโครงการใหญ่เพราะไม่ใช่เรื่องยากอะไร อาจจะง่ายกว่าคนที่อยู่มาก่อน เพราะคนเก่าอาจจะมีความผูกพันกัน แต่สำหรับตนนั้นเป็นคนที่มาใหม่และมาด้วยใจเป็นกลาง ก็จะมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
จากนี้จะมีการไปพูดคุยกับกระทรวงมหาดไทก่อนจะถึงคณะรัฐมนตรี เป็นไปตามขั้นตอน คาดว่าจะมีการพูดคุยในเร็ววันนี้เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน และเป็นเรื่องที่ทุกคนกังวล
นอกจากนี้ นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงกรณี ที่จังหวัดภูเก็ตได้ประกาศให้สามารถถอดหน้ากากในพื้นที่สาธารณะได้ ว่า กทม. เอง ก็อยากเปิดหน้ากากให้เร็วที่สุด แต่จะต้องมีการไปหารือกับผู้เชี่ยวชาญ
ทั้งทางสำนักอนามัย และสำนักการแพทย์ เพื่อดูข้อมูล เนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อดีขึ้น
รวมถึงจะมีการหารือถึงเรื่องการขยายเวลาการเปิดสวนสาธารณะ ร้านเหล้า ผับ บาร์ คาราโอเกะ โดยเชื่อว่าจะทำให้ความหนาแน่นของผู้ที่มาใช้บริการนั้น ลดน้อยลง
ขณะเดียวกันนายชัชชาติ ได้พาสื่อมวลชนดูห้อง CCTV ที่เชื่อมต่อกับระบบทราฟฟี่ฟองดูว์ ที่จะนำมาให้ประชาชนใช้สำหรับแจ้งปัญหาต่างๆภายในเมืองกรุงอีกด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews