มีการจับตา “สัญญาณคู่ขนาน” หลัง “ศึกซักฟอก” ที่แม้จะมีกระแสเหมือนเป็นแรงกดดันไปที่ “นายกฯลุงตู่” ให้ทำการปรับครม.แบบหมายมุ่งไปที่เก้าอี้ “มท.1”
เพื่อการเตรียมทัพเชิงยุทธศาสตร์ ไปสู่สนามศึกเลือกตั้งครั้งหน้าราวต้นปี66 ผ่านท่าทีภายในของนักการเมืองใน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ถูกมองคล้ายเป็นขยิบตากันระหว่าง “กลุ่มส.ส.บ้านใหญ่ปากน้ำ” กับ “หัวหน้าป้อม” พี่ใหญ่3ป.อันนำมาสู่การจับตาภาษากายระหว่างพี่น้อง 3 ป.จากเมื่อวานถึงวันนี้ อย่างที่ 3ป.ยังคงยืนยันไม่ว่ายังไงก็ยังรักกันเหมือนเดิม และ “บิ๊กป๊อก” พี่รอง ก็เปรยให้คิดว่า “อยู่ตรงไหนก็ได้” เหมือนจะพร้อมเปิดทางให้ “พี่ใหญ่” นั่ง มท.1 ตามข้อเรียกร้องจากฝ่ายนักการเมืองที่ทั้งหมดไม่นับรวมถึงกระแสการปรับครม.ในส่วนของ “พรรคร่วมรัฐบาล” ที่ก่อนหน้านี้มีความเคลื่อนไหวแบบ “ล็อกเป้า” ไปที่รัฐมนตรี “เต็งบ๊วย” 2-3 ราย แต่กลับกลายเป็นว่า “รัฐมนตรี” ที่เป็น หัวหน้าพรรค” กลับได้คะแนนบ๊วยแทน
กระนั้น “สัญญาณคู่ขนาน” อีกด้านที่ถูกวิเคราะห์ว่ามีความสัมพันธ์กับกระแสการปรับครม.หลังศึกซักฟอก คือ อาการยักแย่ยักยันกลับไปกลับมาของ “กม.ลูกเลือกตั้งส.ส.” กับ “สูตรหาร500” ที่ทำท่าว่าจะมีการกลับไปสู่ “สูตรหาร100” อีกรอบผ่านกระบวนการฝ่ายนิติบัญญัติที่มีเดดไลน์วันที่ 15ส.ค.ที่นอกจากกระแสกลับไปกลับมาแบบที่ทุกฝ่ายประเมินว่ามาจาก “ซิกคึกไทย” เช่นเคยแล้ว รอบนี้ยังเพิ่มความพีคกับกระแสอาจไปถึงขั้น “รีเซตระบบ” คือไปแก้กลับไปใช้ “บัตรเลือกตั้งสองใบ” แบบการเลือกตั้งปี2562
แม้ฝ่ายนักการเมืองไม่ว่าจะเป็น “สมศักดิ์-สุริยะ” หรือ “หมอตี๋” ประธานกมธ.จะออกมาเปรยดังว่ายากที่จะกลับไปรื้อในหลักการที่แก้มาจาก “รธน.60” ที่อุตส่าห์แก้กันมาก่อนหน้า แต่ก็ทำให้หลายฝ่ายเริ่มจับสัญญาณความผิดปกติกับความพยายามสร้างสถานการณ์ให้สับสนในจังหวะนี้ ว่าจะเกี่ยวข้องกับ “ศูนย์อำนาจ3ป.” หรือไม่
โดยเฉพาะอย่าลืมว่า “กับระเบิด” อีกลูกที่ “นายกฯ ลุงตู่” จะเจอหลังจาก “ศึกซักฟอก” คือประเด็นการยื่นตีความ “นายกฯ8ปี.” ว่าจะครบในวันที่ 23ส.ค.65 หรือไม่ ที่ประเด็นนี้ เหมือน “นายกฯ ลุงตู่” จะมั่นใจมาตลอดว่าจะไม่มีปัญหาในการตีความว่าตนเองจะไปต่ออย่างที่หลายฝ่ายมีการจับสัญญาณผ่าน “อ.วิษณุ” ที่ออกมาพูดก่อนวันซักฟอก (19ก.ค.) ถึงปม ข้อสงสัยว่าหาก “ลุงตู่” เว้นวรรคแล้วจะสามารถกลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯได้อีกหรือไม่ ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ซึ่งเป็นหมวดคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจน โดยวรรคท้ายเขียนไว้ว่านายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันเกิน 8 ปีไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเว้นระยะไปนานเท่าไหร่ก็ตาม โดยบอกว่า “ชีวิตนี้ได้แค่นี้ ยกเว้นไปแก้รัฐธรรมนูญ
ซึ่งก็เหมือนประเทศรัสเซียกับจีนที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำให้กลับมาได้ อย่าง นายวลาดิเมียร์ ปูติน ก็มีการแก้รัฐธรรมนูญถึงได้กลับมาแต่ก็รีบทิ้งท้ายว่า แต่คงไม่มีใครเขาทำให้ โดยหลายฝ่ายกำลังจับตาสถานการณ์การสร้างความสับสนในกฎหมายลูกตั้งแต่การกลับสูตร ไปจนถึงการกลับไปสู่กติก “บัตรใบเดียว” ที่ผุดขึ้นมาท่ามกลางกระแส “รีเซตระบบ” ว่าอาจเป็นแผนทางยุทธวิธี ในการเดินไปสู่การเปลี่ยนกติกาใหญ่คือ “ตัวกฎหมายแม่” ที่เกี่ยวข้องกับ “คุณสมบัตินายกฯ” โดยมีการวิเคราะห์ย้อนกลับไปถึงการออกแบบรัฐธรรมนูญ60 ที่เกิดเป็น พรบ.เลือกตั้งส.ส.แบบบัตรใบเดียวจนเกิดส.ส.ปัดเศษปี62 จนมีการแก้ รธน.ให้เป็นบัตร2ใบ แก้ พรบ.เลือกตั้งส.ส.ให้หาร100 แต่ต่อมามีการโหวตล้มสูตรหาร 100 เอาสูตรหาร500มาพร้อมกับมีเกณฑ์สส.พึงมี กระทั่งมาล้มพรบ.เลือกตั้งส.ส.สูตรหาร500 และมีข่าวแก้รัฐธรรมนูญใหม่ให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเช่นเดิม ว่า เกมที่แท้จริงอาจนำไปสู่ การแก้รธน.ยกเลิกวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 8 ปี หรือไม่.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
