ยังคงเป็นภาพ“คู่ขนาน”ที่ทำให้“ประชาชน”เหมือนได้ส่องกระจกดูเงาสะท้อน“อดีต-อนาคต”ที่คลี่เป็น“คำตอบ”ว่าสมควรจะตัดสินใจอย่างไรกับสถานการณ์“ปัจจุบัน” ระหว่างบ้านพี่เมืองน้องเมียนมา-ไทย ที่มีพรมแดนติดกัน 2พันกิโล กับสถานการณ์หลังทหารนำโดย“พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย”ผบ.สูงสุด ยึดอำนาจ(1ก.พ.)มาได้8วัน และถูกกระแสประชาชนต้านจากอารยขัดขืน“ชู3นิ้ว”เคาะกระทะตีกาละมัง มาสู่การยกระดับ“ม็อบ3นิ้วแดงทั้งแผ่นดิน”เดินลงบนนถนนในทุกพื้นที่ในเมืองใหญ่ในรอบ14ปีเพื่อขับไล่“มิน อ่อง หล่าย”และเรียกร้องให้ปล่อยตัว“อองซานซูจี” จน มีการประกาศกฎอัยการศึกในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ของประเทศ และมีกิจกรรมต้านการยึดอำนาจอย่างเข้มข้น/สั่งห้ามประท้วง ห้ามชุมนุมมั่วสุมเกินห้าคน กำหนดเคอร์ฟิวสองทุ่มถึงตีสี่ โดยเริ่มมีการส่งสัญญานเตรียมใช้ไม้แข็ง จากการใช้การฉีดน้ำสลายการชุมนุมในหลายจุดเช่นการชุมนุมในเมืองเนปิดอ
ที่การชุมนุมเคลื่อนไหวใหญ่ ซึ่งมีภาพการ“รวมพลัง”ของผู้คนทุกวิชาชีพทั้งเอกชนราชการ ไล่ตั้งแต่ผู้พิพากษา หมอ พยาบาล ครู เจ้าหน้าที่รถไฟ ป่าไม้ พระสงฆ์ กลุ่มLGDP ดารา เซเลป และประชาชนทั้งหนุ่มสาวและคนแก่ เกิดประเด็น“ดราม่า”ในโลกโซเชียลของกลุ่มคนรุ่นใหม่ชาวเมียนมา ที่เปรียบเทียบความคล้ายเหมือนประเทศไทยได้อย่างน่าคิดคือประโยคเร้าที่ว่า“ไม่สู้ก็อยู่อย่างไทย”ที่“คนไทย”ถูกมองว่ามีนิสัยประนีประนอมลดราวาศอก ทำให้การ“ยึดอำนาจ””เราจะทำตามสัญญา-ขอเวลาอีกไม่นาน”โดย“3ลุง””ประยุทธ์-ป้อม-ป๊อก”22พ.ค.2557 ลากยาวมาได้7ปี ที่ช่วงหลัง“3ลุง”ถอดชุดทหารสวมสูทเป็น“รัฐบาลผสม”ที่มีพรรคการเมืองอย่าง“พลังประชารัฐ”ที่มี“นักการเมือง”จากทุกสารทิศร่วมกับ“อดีตขุนทหาร3ป.”เป็น“พรรคหลัก”ฝั่งรัฐบาล มาจนถึงปัจจุบัน
เป็น“รัฐบาลลุง”ที่กำลังเข้าสู่ฉาก การถูกตรวจสอบ“ประสิทธิภาพ”การบริหารประเทศ โดยสภาฯ วันที่ 16-19ก.พ.อีกครั้ง ที่ก็ยังมีภาพของการ“วนลูป”เกมการเมือง“สมบัติผลัดกันชม””เก้าอี้ดนตรี”ที่เคยเกิดขึ้นห้วง“ศึกฟอกลุง”ครั้งที่แล้วกลับมา โดย“สอดแทรก”กับภาพความพยายามใช้ข้อกฎหมายใน“รัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเพื่อพวกเรา”แบบที่“สมศักดิ์ เทพสุทิน”เคยประกาศไว้ในการ“รักษาฐานที่มั่นการเมือง”ของ“ศูนย์อำนาจ3ลุง”จาก“เพลย์เมกเกอร์”ทั้งจากฝั่งผู้คนใน“พรรคพลังประชารัฐ”อย่าง“ไพบูลย์ นิติตะวัน”และจากฝั่ง“สว.”อย่าง“สมชาย แสวงการ”ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการที่สภาถกลงมติวันนี้(9ก.พ.) กรณีญัตติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจปมการแก้รัฐธรรมนูญการตั้งสสร.ตามม.256 รวมถึงความพยายามของ“ไพบูลย์”ที่ส่งเรื่องให้ตีความประเด็นข้อความใน“ญัตติซักฟอก”“ลุงทำเนียบฯ”ที่มีเนื้อหาเกี่ยวโยงกับ“สภาบันฯ”ที่“ลุง”เองแม้วันนี้จะ“ตบอก”มั่นใจว่าไม่มีปัญหากับ“ศึกซักฟอก”หนนี้ เพราะพร้อมชี้แจงตลอด แต่ก็ไม่ได้ขวางหากจะมีใครไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความปมอภิปรายพาดพิงสถาบันฯ
เช่นเดียวกับ“พี่ใหญ่””หัวหน้าป้อม”ที่เตรียมเปิด“วอร์รูม”ติวเข้ม 10 รัฐมนตรี ที่ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลทีมเดียวกัน ส่วนเรื่องในพรรคพลังประชารัฐเรียบร้อยดีไม่มีอะไร ส่วนที่“ไพบูลย์”ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความถ้อยคำแรงที่กล่าวหา“ลุงทำเนียบฯ”ใน“ญัตติซักฟอก”เป็นการไปยื่นของ“ไพบูลย์”เอง เพราะเป็นเรื่องน่าห่วง แต่ก็ใช่ว่าจะอยากให้ถึงขนาดล้มการอภิปรายครั้งนี้ แค่อยากให้“ศาลรัฐธรรมนูญ”พูดออกมาก่อน
เรียกว่าทั้ง“สองลุง”มาในแนวแม้จะมั่นใจแต่ก็ไม่ประมาทกับเส้นทางระหว่าง“ศึกซักฟอก”ที่เคยมีประสบการณ์โดน“รุมต้อน”ให้“ตบะแตก”มาแล้ว ด้วยเพราะ“หนนั้น”เรือยังโคลงเคลง“หัวหน้าป้อม”ยังไม่เข้ามา“กุมสภาพ”เด็กๆที่อยากได้ของเล่น-ขนม ใน พปชร.ที่ยังมี“สมคิด”และ“4กุมาร”อยู่แถมยังมีการกระเพื่อมจาก2พรรคร่วมรัฐบาลประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย จนทำให้เกิดภาพ“งูเห่า”และ“ลิงกินกล้วย”ให้กล่าวขานไม่นับรวมการปล่อย“สัญญาณ”เกม“รัฐบาลปรองดอง”แบบที่มีข่าว“พรรคใหญ่”ฝ่ายค้านถูกมองว่า กลายเป็น“คนกันเอง”ที่พร้อมจะมาอยู่กับ“3ลุง” ที่เป็นเหตุผลหนึ่ง ทำให้หลายฝ่ายไม่มั่นใจใน“กลไก”สภาในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ไม่แต่เฉพาะ“ม็อบเด็ก”ที่เคย“จุดติด”การเมืองบนถนนขึ้นมาหลังศึกฟอกลุงครั้งที่แล้ว ที่หนนี้ หลายฝ่ายจับตาว่านอกจาก“แกนนำม็อบเด็ก”ที่ถูกมัดด้วยคดีม.112 ยาวเป็นหางว่าวจนหายไปจากหน้าปัด“ตัวแปร”แล้วจะมีใครที่จะมาเป็น“ตัวแปรนำ”ได้ในจังหวะถัดจากนี้.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news