เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับศึกอภิปรายทั่วไป ระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.2566
ถือเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 ก่อนการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือน พ.ค. ซึ่งเป้าหมายสำคัญของการอภิปรายครั้งนี้ คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ได้ประกาศจะ “กระชากหน้ากากคนดี” และตีแผ่ “8 ปีที่แปดเปื้อน” ตลอดการทำงานของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการอภิปรายครั้งนี้
สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ได้พูดคุยกับ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ถึงประเด็นดังกล่าว โดยรศ.ดร.สมชาย มองว่า การอภิปรายในครั้งนี้ก็เป็นการวิเคราะห์วิจารณ์ในเรื่องเดิมๆ ที่มีอยู่ในสื่อตั้งแต่แรกแล้ว และไม่ส่งผลให้ความนิมยมของทั้งฝ่ายค้าและรัฐบาลให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงเลย
“ที่เขาการวิเคราะห์วิจารณ์ ก็เป็นที่เขาการวิเคราะห์วิจารณ์ในสื่อหนังสือพิมพ์ตั้งแต่แรกแล้ว มีการโจมตีเรื่องไฟฟ้า เรื่องของราคาพลังงาน จริงๆ แล้วเกมนี้มันเป็นเกม คือเรตติ้งผมคิดว่ามันหยุดที่ตรงนี้คือ คะแนนเสียงฝ่ายค้านที่มันดี มันก็ยังดี แต่ไม่ได้หมายความว่าการซักฟอกอันนี้ มันจะนำไปสู่เรตติ้งฝ่ายค้านดีขึ้น
หรือทางด้านของรัฐบาลแย่ลง จริงๆ คนที่อยากจะเลือกมีการคิดแล้ว คือไม่ได้มาจากการมาอภิปราย แต่แน่นอนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง เพราะฉะนั้นมองจากด้านนี้ก็คือมันไม่ได้มีผลต่อตัวเรตติ้ง เพราะในความเห็นอาจารย์ผมคิดว่า ผลที่มาจากการเปลี่ยนแปลงของการอภิปรายผมยังมองไม่เห็น”
ทั้งนี้ รศ.ดร.สมชาย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้รัฐบาลก็ยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่เช่นเดิมอย่างต่อเนื่อง แต่อาจทำได้ในขอบเขตที่จำกัด และเปลี่ยนยุทธศาสตร์บางจุด เพื่อไปเดินหาเสียงในที่ต่างๆ การออกนโยบายเชิงประชานิยมไม่ได้เปลี่ยนแปลงเรื่องเรตติ้งเลย แต่ควรเป็นนโยบายป้องกันไม่ให้เรตติ้งไหลลงต่อมากกว่า
“ขณะนี้ก็ได้อยู่ในขอบเขตจำกัดแล้ว ทำอยู่นะไม่ใช่ไม่ทำ เพราะตอนนี้มันเหลือเท่าไหร่ ยังไงก็ต้องทำก่อนวันที่ 23 มี.ค. สิ่งที่ทำ ทำมาตั้งแต่หลายเดือนติดต่อกันจนมาถึงเดือนนี้ เพียงแต่ว่าเราเห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนยุทธศาสตร์อันหนึ่งก็คือ ไปเดินหาเสียงในที่ต่างๆ เพราะฉะนั้นในกรณีนี้ผมก็คิดว่ามาตรการตัวนี้
ต่อให้มีการทำเยอะก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเรื่องเรตติ้งเลย มาตรการที่จะเกิดขึ้นอันนี้ยิ่งจะได้น้อย เพราะเศรษฐกิจอยู่ในขาขึ้น การที่จะใช้งบประมาณเพื่อที่จะมาสร้างตรงนี้คงอยู่ในขอบเขตที่จำกัด เพราะฉะนั้นมาตรการที่จะออกมา เป็นนโยบายที่ไม่ได้เพิ่มเรทติตง แต่เป็นนโยบายป้องกันไม่ให้เรตติ้งมันไหลลงต่อมากกว่า”
จากนี้ต่อไปคงต้องจับตาดูความเข้มข้นในสนามเลือกตั้ง และการชูแผนนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ใครจะมาแรงมัดใจประชาชน “ลุงตู่” จะยังรักษาความนิยมได้อยู่หรื่อไม่ และเศรษฐกิจในโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งจะคึกคักมากน้อยเพียงใด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews