การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน โดยที่ประชุมมีมติที่สำคัญทั้งในส่วนของการปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน และการนำน้ำตาลทรายกลับมาเป็นสินค้าควบคุมโดยยังไม่มีการปรับขึ้นราคา รวมถึงการเห็นชอบมาตรการวีซ่าฟรีเพิ่มเติม
โดยการปรับลดราคาน้ำมันเบนซินนั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บอกว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบลดราคาน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 เท่ากันลิตรละ 1 บาท โดยเป็นการปรับลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะมีผล วันที่ 7 พฤศจิกายนเป็นต้นไป เป็นเวลา 3 เดือน
ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานได้เสนอปรับลด ราคาเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ลง 2.50 บาทต่อลิตร แต่หลังจากที่ได้ไปทำงานมาในช่วงสัปดาห์ที่มา ได้รับทราบจากกระทรวงการคลังว่า ภาษีสรรพสามิตไม่ได้แบ่งแยก ระหว่างเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 และแก๊สโซฮอล์ 95 หากจะลดก็ต้องลดทั้งหมด ซึ่งกระทรวงการคลังเห็นว่าไม่สามารถปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตลง 2.50 สำหรับเบนซินทุกประเภทได้ จึงหาทางออกร่วมกัน ให้ปรับลดภาษีสรรพสามิตลงสำหรับราคาเบนซินแก๊สโซฮอล์ทั้ง 91 และ 95 ลงในอัตรา 1 บาทต่อลิตรเท่ากัน
ส่วนเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ทางกระทรวงพลังงาน โดยกองทุนน้ำมันจะไปบริหารจัดการหาทางลดอีก 1.50 บาทต่อลิตรให้เป็น 2 บาท 50 ต่อลิตรตามที่ได้เสนอไว้ เพื่อเกิดประโยชน์กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งกระทรวงพลังงานจะพยายามหาแนวทางทำให้ได้พร้อมกันภายในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ส่วนกองทุนน้ำมันจะเพียงพอหรือไม่ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ แต่จะพยายามทำให้ได้
ส่วนราคาน้ำตาลทรายนั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเสนอโดยให้กลับมาเป็นสินค้าควบคุมใหม่เพื่อดูแลราคาหน้าโรงงานให้ยังคงราคาเดิม ไว้ที่กิโลกรัมละ 19-20 บาทในส่วนของน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ทั้งนี้เพื่อดูแลประชาชนผู้บริโภคไม่ให้ถูกซ้ำเติมจากการปรับขึ้นราคาสินค้า เนื่องจากน้ำตาลทรายถือเป็นต้นทุนในการผลิตสินค้าหลายชนิด
ซึ่งนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม บอกว่า ในส่วนของเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีความกังวลว่าจะได้รับผลกระทบนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นผู้ดูแลโดยหลังจากนี้จะต้องกลับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามาตรการในการให้ความช่วยเหลือต่อไป ตามความเหมาะสม โดยมองว่าไม่ได้เป็นการหักหน้าจากกระทรวงพาณิชย์ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจะมีมติประกาศให้ปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานไปแล้วอีกกิโลกรัมละ 4 บาท โดยมองว่าเป็นการช่วยกันในการดูแลประชาชนซึ่งถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
และในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบวีซ่าฟรี กับประเทศอินเดีย และ ไต้หวัน ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยจะให้ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2566 ถึงวันที่ 10 พ.ค.2567 โดยมั่นใจว่าจะเกิดประโยชน์กับการท่องเที่ยวของประเทศไทยสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews