Home
|
ข่าว

บ้านใหญ่ฯหลอกทักษิณ

บ้านใหญ่ฯหลอกทักษิณ

 

 

ออกอาการเลิ่กลัก ผลักเผือกร้อน โยนจากตัว กันเป็นแถว จากบรรดาฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง “ฝ่ายการเมือง”และ หน่วยราชการ ที่จู่ๆทำท่าว่า “การเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี”ที่ “เพื่อไทย”โดย “ทักษิณ”ทุ่มทุนสร้าง ส่ง “ลุงชาญ พวงเพ็ชร์”ลงสู้ศึกกับ “อดีตคนกันเอง”อย่าง “บิ๊กแจ๊ส-คำรณวิทย์”อดีตน้องรัก “พี่ษิณ-ทักษิณ ชินวัตร”แล้วชนะมาแบบเฉียดฉิวแค่หลักพันกว่าคะแนน ที่แม้ “บิ๊กแจ๊ส”จะบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะไม่ได้แพ้“ลุงชาญ”

 

แต่ แพ้ “ทักษิณ”ที่โดดลงมาเต็มตัวอย่างไรก็แพ้ไม่ได้ดังนั้นขอยินดีเป็น “ผู้แพ้”เพราะถ้าชนะ “พี่ษิณ”ไม่ได้สะเทือนแค่ตระกูล “ชินวัตร”แต่จะเสียหายถึง “พรรคเพื่อไทย”และภาพรวมประเทศแต่ก็ยังอดเป็นห่วง “พี่ษิณ”อาจถูก“บ้านใหญ่”หลอก โดยเฉพาะ “บ้านใหญ่”ที่ไปรายล้อมที่กำลังโดนคดีทางกฎหมายให้พ้นจากหน้าที่จากคดีทุจริตหลายคน

 

รวมถึงบางบ้านที่อยู่ในธุรกิจสีเทา โดย “บิ๊กแจ๊ส”ยังพูดถึง “ลุงชาญ”ที่ชนะเลือกตั้งแต่อาจกมีปัญหาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทำนอง กังขาว่าพรรคเพื่อไทยทำไมถึงจิ้มเลือก “ลุงชาญ”มาลงสมัครสู้ศึก “นายกอบจ.”ทั้งๆที่รู้ว่าอาจมีปัญหา

 

 

เป็น “คดีที่มีปัญหา”ที่อาจส่งผลกระทบต่อการ ได้รับการรับรองจาก กกต.เพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่นายกฯ อบจ.ปทุมฯของ “ลุงชาญ” และกำลังกลายเป็นประเด็นถกเถียงของหลายฝ่าย และทำท่าว่าจะ “บานปลาย”หากยังไม่สะเด็ดน้ำชัดเจน แต่ฝืนเดินหน้าไปแล้วอาจ“งานเข้า” แบบที่ “รัฐบาลเพื่อไทย”และ“นายกฯเศรษฐา”เคยมีประสบการณ์จากเคส “รมต.ถุงขนม”อย่างที่เริ่มเห็นภาพ “แดจาวู”ฉากย้อนกลับ

 

 

แบบที่ “เลขากฤษฎีกา” “ปกรณ์”เจ้าเก่า ออกมา “คอนเฟิร์ม”ฟันธงเลยว่า ‘ลุงชาญ’ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติหลังรับตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี เหตุมีคดีค้างเก่าที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้วเพราะวัตถุประสงค์ของกฤษฎีกา ได้ให้เหตุผลทุกกรณีไว้ว่าหากถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยป.ป.ช.ชี้มูล และมีคำถามว่าระหว่างนั้นเขาพ้นตำแหน่งแล้วกลับเข้ามาทำหน้าที่ใหม่จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งโดยตรรกะต้องหยุด เพราะไม่ต้องการให้ยุ่งเหยิงกับคดีที่ผ่านมาและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นหลักกฎหมายปกติ

 

 

โดย “นายปกรณ์”ระบุด้วยว่า กรณีนี้ถือว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องมีหน่วยงานใดมาชี้เพราะเป็นไปตามผลของกฎหมายอยู่แล้ว ทั้งนี้หากนายชาญมีสิทธิไม่เชื่อความเห็นของกฤษฎีกากรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) จะเป็นคนชี้ เพราะมีอำนาจหน้าที่ในการดูแลเรื่องของการเข้าสู่ตำแหน่ง การดำรงตำแหน่ง และการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น สถ.จึงเป็นผู้มีคำสั่งดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนผู้ที่ต้องทำหน้าที่แทนนายชาญ คงเป็น ปลัดอบจ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นข้าราชการประจำ

 

 

ที่ก็น่าสนใจว่า ไม่แต่ คนในรัฐบาล โดยเฉพาะ “รัฐมนตรี”ในปีกเพื่อไทย อย่าง”พี่อ้วน-ภูมิธรรม”ที่ออกมา ยืนยันทำนอง“ลุงชาญ”หลังรับการรับรองจาก กกต. จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ นายกฯอบจ.ปทุม ได้โดยไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ แบบที่กฤษฎีกาว่า เพราะ เป็นแค่ “ความเห็นของ กฤษฎีกา”เช่นเดียวกับ “สรวงศ์ เทียนทอง”เลขาเพื่อไทย ที่ยันยัน ฝ่ายกฎหมายของพรรค มีการตรวจสอบข้อมูลเรื่องดังกล่าวแล้วมีความเห็นว่า เรื่องนี้ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ฟ้องเองขณะที่ศาลประทับรับฟ้อง “ลุงชาญ” ไม่มีตำแหน่งหน้าที่จึงไม่มีกรณีที่ต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

 

 

ต้องถือว่าขณะนี้คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลถ้าจะต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ป.ป.ช.ที่เป็นโจทก์ต้องยื่นคำร้องต่อศาล และ การให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ไม่มีบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.วิธีพิจารณาของศาลอาญาทุจริต เพียงแต่เขียนไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. เท่านั้น จึงเป็นดุลพินิจของศาล ว่า ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ไม่ใช่เป็นการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ ส่วนความเห็นกฤษฎีกา เป็นเรื่องการใช้อำนาจตามก.ม.การเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น เป็นกรณีทั่วไป กรณีนี้เมื่อคดีอยู่ในอำนาจศาลแล้ว ควรให้ศาลเป็นผู้สั่ง ถ้ากระทรวงมหาดไทยสั่ง ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ผู้ถูกคำสั่งสามารถฟ้องร้องไปยังศาลปกครองได้

 

 

ขณะที่ “มท.1” “อนุทิน”ที่กำกับดูแล สถ. แม้จะออกอาการ เหมือนไม่อยากยุ่ง โดย ปฏิเสธยังไม่ได้รับรายงานและ ให้ไปรอความเห็นจาก “ศาล”และ “กฤษฎีกา”นั้น แต่ปรากฏว่า เมื่อวาน(1ก.ค.)ที่ถือเป็น “ต้นเรื่อง”ที่แดงออกมาเป็นข่าว ถือว่า มาจาก หนังสือด่วนของ อธิบดี สถ.ที่รายงานต่อ “มท.1”ใน2ประเด็นคือ 1.การตอบคำถามคุณสมบัติ “ลุงชาญ”สมัครลงเลือกตั้งได้ เพราะคดียังไม่ถึงที่สุดยังไม่เคยถูกจำคุกและยังไม่ได้ถูกเพิกถอนตัดสิทธิ์การเมือง แต่ในข้อ2.ถ้าชนะเลือกตั้งจะทำหน้าที่ได่หรือไม่

 

 

มีการอ้างถึงพรป.ปปช.2561 ม.81 และ ม.93 และ “บันทึกความเห็นกฤษฎีกา”ที่ลงนามโดย “ปกรณ์” เรื่อง“การหยุดปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารท้องถิ่นตาม พรป.ปปช.2561ที่ระบุ ว่า ผู้บริหารท้องถิ่นถ้าถูก ปปช.ชี้มูลการทุจริต และถูกนำตัวส่งฟ้องต่อศาล และ ศาลประทับรับฟ้อง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทำนอง ต่อให้ลาออก และกลับมาลงสมัครใหม่ และชนะเลือกตั้ง ก็ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ทำให้ทันทีที่ กกต.ประกาศ รับรองผลการเลือกตั้ง ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งในวาระใหม่หรือวาระเก่าทุกกรณี ตาม ม.93 พรป.ปปช.2561.

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube