เรื่องบนเตียง ยุค”ลุงโควิด3″ (click ดูวิดีโอ)
@วันที่2หลังเปิดทำการหยุดยาวสงกรานต์ กลับมาทำงานแบบ เวิร์กฟอร์มโฮม ผสมมาตรการเข้ม “กึ่งล็อกดาวน์”ของรัฐบาล โดยเฉพาะ 18 จังหวัดกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เลี้ยงไว้ที่ 1,443ราย ยังรักษาใน รพ. 16,119ราย รักษาหาย 171ราย ที่ถนนหนทางคืนที่ผ่านมา หลัง5ทุ่มโล่งเงียบกริ๊บ ไม่มีกิจกรรมของนักท่องราตรีที่จะมีที่ให้ร่อนเร่รวมพล ให้เสี่ยงโควิดที่กำลังระบาดหนักรอบ3 เพราะไร้ทั้งสถานที่ เสบียงอาหาร และสุรา จากความร่วมมือเอกชน ร้านสะดวกซื้อที่ปิด5ทุ่ม รวมถึงสถานบริการร้านอาหาร มีเพียงปั๊มน้ำมัน ที่เปิดให้บริการ ที่ดูคล้ายบรรยากาศเคอร์ฟิวกลายๆ
@เรียกว่า ทางด้านความร่วมมือ”ตั้งการ์ดสูง”จาก ประชาชน ภาคเอกชน ในการ เว้นระยะห่าง เพื่อลดการกระจายของโควิดภาค3 ทั้ง เวิร์คฟอร์มโฮม ทั้งการละเว้นกิจกรรมกิจการยามค่ำคืน ที่แม้จะต้องยอมเจ็บตัวสูญเสียรายได้บ้างในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ เป็นไปด้วยดี เพราะทุกคนเชื่อหมอ และคาดหวังว่าเจ็บรอบ3 ที่มาจาก “ไฮโซโควิด”นี้ ต้องช่วยตัวเองให้รอดทั้งจากโรคและจากหิว โดยเฉพาะยิ่งหากติดเชื้อแล้วยังกังวลกันอยู่กับ “ความไม่ชัด”จากระบบการเข้ารักษา เมื่อพบว่าติดเชื้อหรือตกเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่บางส่วน ต้องแอดวานส์เสียค่าตรวจ ค่ารักษาไปก่อน
@อย่างที่มี นักข่าวสปริงนิวส์ ที่ติดโควิดและเจอด้วยตัวเอง และออกมาบ่นผ่านเฟซบุ๊ก ถึงปัญหาระบบจัดการกว่าจะได้เข้ารับการรักษาทั้งต้องรอคิวเตียงและทั้งต้องควักจ่ายค่าตรวจรักษาก่อน ที่โดยรวมๆยังมีปัญหา “ช่องว่าง”ไม่น้อยระหว่างการเข้าตรวจรักษากับ โรงพยาบาลเอกชน และ โรงพยาบาลรัฐ ที่จะถูกส่งไปยัง “Hospitel”ที่นำโรงแรมมาทำเป็นโรงพยาบาล เพื่อรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อย หรือการส่งไป”โรงพยาบาลสนาม”จนเป็นที่มาของข่าว “เตียงเต็ม”ต้องรอคิว หรือปัญหาการเลือกเตียง เลือกสถานที่กักตัวดูอาการ ของผู้มีกำลังจ่าย จน”ลุงทำเนียบฯ”ต้องออกมาขอร้องวันนี้(20เม.ย.) ว่าอย่าเลือกเตียง เพราะบางคน ไม่อยากไปอยู่ รพ.สนาม อยาก นอน โรงพยาบาล หรือ Hospitel ที่ยังไม่นับรวมประเด็นดราม่าเรื่องเตียงคนจนคนรวย จนเป็นที่มาของการไม่ให้ความร่วมมือของผู้นอนเตียงโรงพยาบาลสนามจน”หมอ”ออกมาบ่น
@ที่อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ ก็มีกรณี ข่าว รพ.เอกชน และคลินิก ปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยหลังตรวจพบการติดเชื้อ จนรัฐบาลต้องมีการออกประกาศเรื่อง แนวทางการป้องกัน ควบคุม และส่งต่อผู้ติดเชื้อโควิด-19 กรณีสถานพยาบาล ประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ห้องปฏิบัติการของคลินิกที่จะให้บริการตรวจคัดกรอง และตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดโรคโควิด-19 แก่ประชาชนจะต้องผ่านการทดสอบความชำนาญทางห้องปฏิบัติการตามที่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำหนด
@ทั้งหมดทั้งมวลต้องติดตามต่อไป ว่า “ลุงทำเนียบฯ”จะจัดการปัญหา “เรื่องบนเตียง”ยุคโควิด ที่กำลังชุลมุนถึงขนาดต้องชี้แจงกันทุกวันแบบให้ความมั่นใจในกระบวนการเข้ารับการตรวจและรักษาอย่างไรในท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งในอัตราจ่อ2พันทุกวัน ที่ย่อมจะมีผู้ที่เข้ารับการรักษาอีกจำนวนมากกว่าเตียงที่มีอยู่ปัจจุบันจะรองรับได้ ที่ยังไม่นับถึงการแก้ปัญหาคู่ขนาน ทั้งการกระจายฉีดวัคซีน และ การจัดหายากรักษาให้เพียงพอกับปริมาณผู้ติดเชื้อจากนี้ไป.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news