ใครไม่ร่วมมือ “อิ๊งค์” สอบ “แก๊งกินตึกสตง.”
นอกจากการออกตัวยืนยันจาก “นายกฯอิ๊งค์-แพทองธาร”วันนี้(18เม.ย.)หลังเรียกทีม”บิ๊กต่าย”“ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.และ “พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อรายงานผลการตรวจสอบอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)“ว่ารัฐบาลไม่ได้ปล่อยปละละเลย ยังคงเร่งสอบสวน
“แก๊งกินตึกสตง.”ที่ใกล้จะสรุปเพื่อออกหมายจับ เอาผิด กับ ผู้เกี่ยวข้องที่ต้องรับผิดชอบ กับการทำให้ “ตึกสตง.ถล่มในวันที่เกิดแผ่นดินไหว(28มี.ค.)”คู่ขนานไปกับการสรุปผลกระทบจากแผ่นดินไหว ว่ากทม.ได้รับผลกระทบมากกว่าปกติหรือไม่ น่าสนใจว่ายังมีการระบุว่ามี “หน่วยงาน” ที่ไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควรในการส่งข้อมูลเอกสารให้ฝ่ายเกี่ยวข้องตรวจสอบ โดย“นายกอิ๊งค์”บอกว่า ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือไม่เต็มที่ ก็ต้องถูกตั้งข้อสังเกตอยู่แล้ว จึงขอให้ “หน่วยงาน” ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือให้เต็มที่ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นข้อครหาจากประชาชน
โดย “หน่วยงาน”ต่างๆที่ “นายกอิ๊งค์”อ่านโพยให้ “นักข่าว”ฟังว่ายังไม่มีการส่งข้อมูล ให้พนักงานสอบสวนและDSI และยังไม่มีการส่งข้อมูลให้รัฐบาล มีทั้ง “สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน”( สตง.)
และ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงคมนาคม ส่วนหน่วยงานที่ขอความร่วมมือ คือ “กรมบัญชีกลาง” ที่เป็นหน่วยงานในการควบคุมมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างในการดูคุณภาพของวัสดุก่อสร้างเพื่อชี้วัด และมีอำนาจในการบอกเลิกสัญญา รวมถึง กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ที่เป็นหน่วยงาน ที่ร่วมตรวจรับการออกแบบการก่อสร้าง และการตรวจรับงาน ซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในความเสียหายนี้ ต้องให้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องในการตรวจจับจาก กรมโยธาธิการ ในตึก สตง. ที่ผ่านมา ควรจะแยกออกจากกระบวนการการสืบสวน
โดยในส่วนของ สตง.”นายกฯอิ๊งค์”ยังบอกว่าว่า ขอความร่วมมือทั้งเอกสาร และข้อมูลทั้งหมดจาก สตง. และการรายงานผลจากคณะกรรมการตรวจสอบว่ามีการผิดสัญญา แต่ไม่มีการยกเลิกสัญญา ในเวลาที่กำหนดตั้งแต่มกราคม 2568 ซึ่งต้องขอดูเอกสารเพิ่มเติมในส่วนนี้ และข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมทรัพยากรธรณี ถึงผลกระทบจากแผ่นดินไหวว่า กทม. ได้รับผลกระทบมากกว่าปกติหรือไม่
จึงก่อให้เกิดการถล่มซึ่ง ก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน และย้ำว่า DSI กำลังดำเนินคดี ถึงมาตรฐานของเหล็ก และคุณภาพของปูนที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการแก้ไขแบบที่แกนกลางของ core wall และ core lifts ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของตึก แต่ไม่มีการเสริมเหล็กทำให้เกิดความเสี่ยงในอาคาร รวมถึงการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการฮั้วประมูล รวมถึงเรื่องการปลอมลายเซ็น ยืนยัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีคนผิดเลยในเรื่องนี้ ที่สอดรับกับ “พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม”ผช.ผบ.ตร. หัวหน้าชุดควบคุมการสืบสวนสอบสวนที่คาด ว่า ใน7วัน
จะเริ่มออกหมายจับคนผิดส่วนจะออกหมายจับเจ้าหน้าที่ สตง. ด้วยหรือไม่นั้น ถ้าหากรวมพยานหลักฐานแล้วเกี่ยวข้อง ผิดมาตราใด ใครกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดีกับทุกคน
เรียกว่าถือเป็นการแอ๊คชั่นของ “นายกอิ๊งค์”หลังจากหลายฝ่ายรวมถึง “พรรคฝ่ายค้าน” มีการออกมาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในการสอบสวนเอาผิด “ขบวนการกินตึกสตง.” ที่ล่าช้า
จนเป็นที่ครหาปกป้อง“คนกันเอง” ท่ามกลางการออกมาตรวจสอบของ “สังคม”ผ่านโซเชียล เช่น กรณี เพจ LIRT : คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่โพส(14เม.ย.68) เปิดลาน “รถทัวร์”ให้สตง.ผ่าน รายงานผลการปฏิบัติงานของสตง.ปี2566 ที่พบว่า สตง. ที่มีหน่วยงานตรวจสอบโครงการขนาดใหญ่ เคยตรวจสอบ โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ 51 สัญญา ใน 36 หน่วยงาน พบข้อบกพร่อง21 สัญญา แบ่งปัญหาหลัก 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ก่อสร้างไม่ตรงแบบ เช่น ใช้วัสดุผิดสเปก ทำงานไม่ครบตามสัญญา แบบรูปรายการไม่ตรงพื้นที่จริง ทำให้งานบางส่วนใช้จริงไม่ได้ หรือเกินความจำเป็น ควบคุมงานหละหลวม ผู้ควบคุมไม่ตรวจสอบตามหน้าที่ สัญญาไม่รัดกุม เช่น ไม่ปรับแก้เอกสารให้ถูกต้องตามการเปลี่ยนแปลงจริง ราคากลางคลาดเคลื่อน ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์คำนวณของทางราชการ
ที่ครั้งนั้น สตง.ได้เสนอแนวทางแก้ไขไว้ ว่า ให้ชดใช้ความเสียหาย ,แก้ไขสัญญาให้ถูกต้อง, กำชับผู้รับผิดชอบ,ปรับกรุงการกำหนดราคากลาง และคุมคุณภาพวัสดุให้ตรงตามแบบ ซึ่งโพสของเพจ มีชาวเน็ตแห่เข้ามาคอมเม้นท์จำนวนมากทางเดียวกัน และตั้งคำถามว่าใน 21 สัญญานั้นมี “ตึกสตง.”ที่ถล่ม ซึ่งมีปัญหาด้วยหรือไม่ ที่ทั้งหมดไม่นับรวมข้อพิรุธจำนวนมากที่DSIกำลังตรวจสอบ และสังคมตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องนอมินีบริษัททุนจีนและทุนไทย การปลอมลายเซ็นวิศวกร การเบิกจ่ายค่าก่อสร้างงาน การควบคุมการก่อสร้าง ไม่นับรวมข้อสงสัย “ส่วนต่าง”การคอรัปชั่นสิ่งอำนวยความสะดวกของตึกสตง. ที่ทั้งหมดถูกตั้งข้อสังเกตด้วยว่าทำไมจนถึงบัดนี้ ยังไม่มีการบอกเลิกสัญญา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews