ปรับครม.รื้อทีมเศรษฐกิจ เปลี่ยนนายกฯ?
ประเด็นปรับครม.กลับมาเป็นหน้าปัดข่าวอีกครั้งหลัง ปรากฎผลสำรวจความเห็นประชาชน ของ“นิด้าโพล”(20เม.ย.)ที่จั่วหัวเรื่องว่า “ประบครม.วันไหนดี”บอกว่าคนส่วนใหญ่เกือบ50%
ต้องการให้ “รัฐบาลอิ๊งค์” ปรับครม.โดยเร็วที่สุด โดย3กระทรวงแรกๆ ที่ต้องการให้ปรับ คือ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน ที่มีเจ้ากระทรวงอย่าง “2พิชัย”และ “อ.แหม่ม”
เช่นเดียวกันผู้คนในพรรคเพื่อไทยตั้งแต่แกนนำถึงบรรดา ส.ส.ออกมาเคลื่อนไหวอย่าง “ประธานวิปรัฐบาล”อย่าง “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ”ที่ยอมรับว่าควรควรจะปรับรัฐมนตรีเกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจการค้า โดย“วิสุทธิ์”บอกว่าโพลที่ออกมาเห็นตรงกันว่า ต้องปรับ ครม.ทีมเศรษฐกิจ แม้ว่าในพรรคเพื่อไทยไม่มีใครพูดถึงปรับครม.จริงจัง แต่มีบ่นบ้างเรื่องราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ ที่ส.ส.รับฟังมาจากชาวบ้าน ทั้งข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา อยากกระตุ้นกระทรวงเกี่ยวกับกรค้าขายต้องดูแล ไม่ได้ดูที่ตัวบุคคล
ไม่แต่เท่านั้นระดับแกนนำแกนนำรัฐบาลก็มีการพูดถึงเรื่องนี้ อย่าง “หัวหน้าหนู-อนุทิน”จากภูมิใจไทย ที่นอกจากจะยอมรับว่า ก่อนสงกรานต์ได้มีการไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกับ “ทักษิณ”
และแขกจากต่างประเทศที่เคยรู้จักกัน โดย “ทักษิณ”เป็นคนชวน ซึ่งการพูดคุยวันนั้นไม่มีเรื่องการเมือง ไม่มีนักการเมือง ไม่มีรัฐมนตรี แต่เป็นเรื่องส่วนตัว และความสัมพันธ์ก็ยังดี จึงไม่เข้าใจว่าทำไมมีการวิเคราะห์ จะมีการปรับครม.ยึดเก้าอี้ มท.1 ที่ต้องออกแรงเยอะ หรือไล่ภูมิใจไทย เช่นเดียวกับ “พี่อ้วน-ภูมิธรรม”รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่ปฏิเสธกระแสข่าวข้ามไปนั่ง มท.1 แต่ยอมรับ การันตีไม่ได้ว่า เก้าอี้กลาโหมของตัวเอง แข็งหรือไม่ แต่ทำงานเต็มที่ อยู่ที่ไหนก็รักที่นั่น ทำงานแค่6เดือนอย่าเพิ่งไล่กัน
ขณะที่ “เทพไท เสนพงศ์”วิเคราะห์ผ่านFBว่า มองว่า รัฐบาลจึงจำเป็นต้องปรับคณะรัฐมนตรีด้วยเหตุผลคือ
1.เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนต้องการเห็นการปรับครม.เพราะมีความเชื่อว่าถ้าปรับครม.แล้ว จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนได้ดีขึ้น
2.เป็นความประสงค์ของนายใหญ่ต้องการ ที่จะกระชับอำนาจในรัฐบาล เพื่อให้มีการสั่งการรัฐบาลได้อย่างเบ็ดเสร็จ
3.ปรับเพื่อการเปลี่ยนแปลง ตำแหน่งบุคคลรัฐมนตรี ต้องการปูมบำเหน็จให้กับบุคคลที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งทางการเมือง เพื่อตอบแทนทางการเมืองการในลักษณะสมบัติผลัดกันชม และ
4.จำเป็นต้องปรับเพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะที่ผ่านมาผลงานรัฐบาลยังไม่เข้าตาประชาชน คะแนนนิยมของรัฐบาลยังไม่ดีขึ้น นโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ก็ไม่สามารถนำไปปฏิบัติให้เป็นผลสำเร็จได้ ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้คือ ไฟต์บังคับของรัฐบาลที่ต้องปรับครม. เพื่ออยู่ต่อหรือนับถอยหลังเข้าสู่การยุบสภา เช่นเดียวกับ “วิโรจน์”ตัวตึงจาก พรรคเด็ก-ประชาชน ที่วิเคราะห์ “ดักคอ”ว่าการปรับครม. โดยภาพครม.ที่จะเกิดขึ้นเป็นการเกี๊ยะเซี๊ยะกันของ “ฝ่ายอำนาจ”อนุรักษ์นิยมโดยไม่สนใจประชาชน และจะส่งผลกให้เกิดความขัดแย้งภายในรัฐบาลมากขึ้น
เรียกว่าแม้กระแสปรับครม.มาในจังหวะ ความขัดแย้งระหว่าง เพื่อไทย กับ ภูมิใจไทย มาถึงจุดแตกหักจาก เหตุ เจตนาทำ“ปืนลั่น”ของ “ไชยชนก ชิดชอบ”ลูกชาย “เนวิน”แม้ “หัวหน้าหนู” จะย้ำวันนี้ว่าจบแล้ว ภท.พร้อมทำตามมติรัฐบาลหนุนกาสิโน แต่ก็ถูกมองว่า “นายใหญ่”ต้องการ“เอาคืน” ผ่านการจัดการทางการเมืองด้วยการปรับครม.ยึดกระทรวงสำคัญจากภท.
หากแต่กระแสอีกด้านก็มาจากประเด็น “วิกฤติเศรษฐกิจ”ที่รอตรงหน้าจากปมผลกระทบ “ภาษีทรัมป์” ที่จะมาซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย ถึงขนาดมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไตรมาส3และ 4 จะเจอกับปัญหาเศรษฐกิจขยายตัวติดลบติดต่อกัน2ไตรมาส ที่เริ่มพูดกันถึงตัวเลขGDPที่นอกจากจะไม่ถึง 2.5แล้วยังจะหลุ่นวูบไปเลือก0-0.5% ที่ต้องรอตัวเลข2ชุดจาก กนง.ของแบงค์ชาติวันที่ 30เม.ย. คือจะลดดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ จะมีการปรับคัวเลขประมาณการเศรษฐกิจใหม่หรือไม่
รวมถึงตัวเลขที่จะออกมาจากสภาพัฒน์ฯในช่วงกลางเดือนพ.ค. ที่จะมีการแถลงตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกออกมา ทำให้สัญญานที่ออกมาจากภาคเศรษฐกิจทั้งภาคเอกชนนักลงทุนเริ่มวิจารณ์ว่าควรมีการปรับทีมเศรษฐกิจ ตั้งตั้งแต่ตัวรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจไปจนถึงตัว “นายกฯอิ๊งค์”เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในการรับมือวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่จะเกิดขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews