จากคดี“บอส อยู่วิทยา”ถึง“ลูกพีช”
ในขณะที่สังคมยังจับตาคดี “นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์”หรือ “พีช”ผู้สมัครสมาชิกเทศบาลธัญบุรีลูกชาย “นายกฤษฎา หลีนวรัตน์” หรือนายกเบี้ยว อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ซิ่งรถBMWป้ายแดงชนรถกระบะของ“ลุง-ป้า”ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ที่ล่าสุดเมื่อวานมีกระแสข่าว “นายใหญ่”สั่งให้ “กัน จอมพลัง” หยุดช่วยเหลือคู่กรณี จนวันนี้”ภูมิธรรม”ต้องรีบออกมาเคลียร์ว่า กำชับตำรวจแล้ว ให้ว่ากันตามเนื้อผ้า หลังที่ผ่านมามีความพยายามเข้ากับเคลียร์ รับผิดชอบค่ารักษาให้“ลุง-ป้า”ในโรงพยาบาล ของ “นายกเบี้ยว”และ “ลูกพีช”รวมถึงกระแสข่าวการติดต่อ “พยาน”ผู้ขับขี่รถยนต์ที่เห็นเหตุการณ์ ให้ลบคลิปเหตุการณ์ ที่เรื่องนี้สังคมจับตาการทำงานใน“กระบวนการยุติธรรม”ต้นน้ำ ในชั้น พนักงานสอบสวนของตำรวจ ที่“พีช”อ้างพ่อรู้จักสนิท ผบ.ตร.และเขาเรียกว่า “อาต่าย” รวมถึงอ้าง “ทักษิณ”และ “นายกอิ๊งค์”ก็มางานบวชของตนเอง จะส่งผลต่อความเป็นไหของคดีหรือไม่
โดยเฉพาะในจังหวะที่วันนี้(22เม.ย.) “อาญาคดีทุจริตฯ เพิ่งมีคำพิพากษาจำคุก 2 อดีตอัยการ“เนตร นาคสุข” 3 ปี “ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม” 2 ปี ในคดีแก้ไขความเร็วรถ “บอส อยู่วิทยา”
ที่ขับรถหรูซิ่งชน ตร.สน.ทองหล่อ เสียชีวิต แต่ยกฟ้อง “บิ๊กอ๊อด-พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง”อดีตผบ.ตร. กับพวก 6 คน จากการที่ จำเลยทั้งหมด ร่วมกันกระทำผิดเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานในคดี คำให้การพยาน ความเร็วรถยนต์ฯ เพื่อช่วยเหลือ “นายวรยุทธ” หรือ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหา เพื่อให้พ้นผิด หรือรับโทษน้อยลง ที่ “นายวรยุทธ”ขับรถสปอร์ตหรูปอร์เช่ เฉี่ยวชน “ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ” ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 3 กันยายน 2555 ซึ่งอยู่ในช่วง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”
น่าสนใจไม่แต่ “ตัวละคร”ในท้องเรื่องบางส่วน “บังเอิญ”มาตรงกัน อย่าง “บิ๊กแจ๊ส-พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง”ที่ปัจจุบันเป็นนายกอบจ.ปทุมฯที่ถือเป็น “คู่แข่งทางการเมือง”ก่อนหน้านี้กับ“นายกเบี้ยว”และ“7บ้านใหญ่ปทุม”ที่เข้าแถวให้กับ “นายใหญ่”ที่ “บิ๊กแจ๊ส”ถือเป็น “สารตั้งต้น” นำมาสู่เดินหน้าดำเนินคดีกับ “บอส”แม้ต่อมา “บอส”จะหลบหนีหมายจับไปอยู่ต่างประเทศ สมัยที่ “บิ๊กแจ๊ส” เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่พากำลังไปยึดรถยนต์ที่ก่อเหตุด้วยตัวเอง หากแต่ยังน่าสนใจเส้นทาง ของ“คดีหลัก”การขับขี่รถยนต์โดยประมาทชนคนอื่นทำให้ถึงแก่ความตาย
โดย“บอส” ขับรถหรู ชน“ด.ต.วิเชียร”ที่อยู่ในชั้นศาล เหลือเวลาอีกแค่ 2 ปีคือในปี 2570 จะหมดอายุความ หลังจากคดีที่ถูกกล่าวโทษ “เสพยา”ทำให้เกิดอาการมึนเมา “หมดอายุความไป”หลังมีการแก้ไขกฎหมายยาเสพติด และทำท่าว่าเรื่องจะเงียบหายไปจนมีสื่อไปเจอ “บอส”ใช้ชีวิตปกติในต่างประเทศ และมีการโพสลงโซเชียลช่วงปี2563 ทำให้ใน“รัฐบาลลุงตู่”เวลานั้นกระแสสังคมเรียกร้อง กดดันให้รัฐบาลตั้งกรรมการรื้อฟื้นคดีนี้มาตรวจสอบทุกขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม
โดย “คดีบอส”ที่แตกคดีมาสู่คดีในศาลทุจริตเอาผิดกับผู้คนในกระบวนการยุติธรรมที่ช่วยเหลือ “จำเลย” ถือเป็น คดีตัวอย่าง คดีหนึ่ง ที่ถูกอ้างถึงทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ “คดีคนมีฐานะขับรถชนคนตาย” หรือบาดเจ็บบนท้องถนนหลายคดี ที่นำมาสู่ “เทคติค”ต่างๆที่ฝ่ายผู้ต้องหาใช้ผ่าน กระบวนการยุติธรรม ด้วยกระบวนท่ามากมาย ทั้งในชั้นตำรวจ อัยการ หรือ ศาล หรือแม้กระทั่งชั้นที่ต้องเจรจากับ “ฝ่ายโจทย์” ผู้เสียหาย ด้วยการติดต่อเข้าไปขอโทษ หรือการจ่ายเงินรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล เพื่อนำไปสู่การบรรเทาโทษทางคดี หรือแม้กระทั่งการจัดการกับ “พยาน”ที่มีตั้งแต่เบาไปหนักทั้งการ “ล็อบบี้” ไปจนถึงการใช้ความรุนแรง ที่ส่งผลต่อรูปคดี อย่างที่เกิดข้อสังเกตเหตุการณ์การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ของ “จารุชาติ มาดทอง”พยานคนหนึ่งในคดีเมื่อกลางปี2563 ที่เป็นอีกปมที่ทำให้สังคมช่วยกันสืบเสาะ กดดันให้ฝ่ายเกี่ยวข้องไม่รามือในการตรวจสอบความผิดปกติในกระบวนการยุติธรรมในชั้นอัยการ กระทั่งมาสู่คำตัดสินของศาลคดีทุจริตวันนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews