ขาประจำติดเตียง&หนูรีVsทักษิณติดคดี

การออกงานและให้สัมภาษณ์แบบชิล ๆ เมื่อวาน(27เม.ย.)ประหนึ่งมั่นใจว่า สามารถแก้ไขทุกสถานการณ์ได้ ของ “ทักษิณ ชินวัตร”พ่อ “นายกอิ๊งค์”ในจังหวะ “รัฐบาลเพื่อไทย” “นายกอิ๊งค์”รวมถึงตัว “ทักษิณ”เอง ที่มีทั้งคดีเก่าและคดีใหม่ ก็กำลังนัวกับ “ศึกใน-ศึกนอก”ทั้งเรื่อง “การบ้าน-การเมือง” ในภาวะบ้านเมือง อยู่ในโซนอันตรายจาก “ภาวะวิกฤติ”ซ้อนวิกฤติ จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีปัญหาอยู่แล้วถูกเติมด้วย “ภาวะความไม่แน่นอน”จาก“ศึกมหาอำนาจโลก”ระหว่างสหรัฐกับจีน ในยุค “ทรัมป์ คัมแบ็ค” ที่กำลังส่งผลกระทบทุกประเทศทั่วโลกกับ “ภาษีทรัมป์”อันเป็น “สัญญาน”“การจัดระเบียบโลกใหม่”ที่หลายประเทศหันมา “จัดทัพ”รับมือเดินหน้าเจรจาสหรัฐฯไปรอบแรกหมดแล้ว

 

ในขณะที่ “ทีมไทยแลนด์”ยังเลื่อนไม่ไปเจรจากระทั่งมีแรงกดดันมายัง“นายกอิ๊งค์”ให้มีการ “ปรับครม.” โดยเฉพาะ “ทีมเศรษฐกิจ”หรือ “เปลี่ยนนายกฯ”เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน
ถูกวิเคราะห์เป็นอาการ”ใจดีสู้เสือ”ของ “ทักษิณ”

 

ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจของ “ทักษิณ”ที่ว่า ปม“ภาษีทรัมป์”จะคลี่คลายได้แต่ต้องใจเย็น ๆ ไม่ต้องรีบไปเจรจา และสนใจที่จะขออนุญาตศาลเดินทางไปช่วยเจร หรือการฟันธงว่า “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน”จะผ่านฉลุย และเสียดเย้ยไปยังบรรดา“ขาประจำ”ที่ด่าตน อย่าเครีดยมากระวัง“ติดเตียง”พร้อมมั่นใจ ปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาลไม่มีปัญหา สามารถอยู่ได้ครบเทอม และยังติดปลายนวมฝากไปถึง “ตู่ใหญ่” “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส”หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่วันก่อนเพิ่งประกาศไม่เลิกราวีจนกว่าจะลาก “ทักษิณ”กลับคุกจากคดี “คนชั้น14”ที่ “ตู่ใหญ่” เป็น “พยานปากเอก”ให้กับ ปปช.ที่บอกให้ “ทักษิณ”จะหนีก็รีบหนีก่อนถึงวันที่ 30เม.ย.ที่ศาลฎีกา แผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนคดีคนชั้น14 ไม่งั้นระวังติดคุก
โดย “ทักษิณ”โต้กลับว่า “บอกหนูรีเขานะ ให้หนูรีทำตัวดี ๆ พูดจาดี ๆ เผื่อจะได้ไปเป็นรองนายกฯ กับเขาบ้าง” โดยยอมรับว่า เคยมีการทาบทามหรือมาขอเป็นรองนายก แต่หลังจากนั้นก็โกรธกันมา ก็ไม่เป็นอะไร บอกให้หนูเขาใจเย็น ๆ“ส่วนถามว่าพร้อมหรือไม่กับวันที่ 30เม.ย. “ทักษิณ”บอกว่า “ไม่มีอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ต้องกังวลแทนตน”

 

เรียกว่าแม้จะถูกมองว่า “รัฐบาล”กำลังถูกสถานการณ์โอบล้อมกดดันหลายด้าน ทั้งการจัดการปัญหาบ้านเมือง และสถานการณ์ความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาลที่ถึงจุด “แตกหัก”จากกรณี “ไชยชนก”ลูกชาย “ครูใหญ่เนวิน” ประกาศคัดค้าน “กาสิโน”กลางสภาซึ่งถือว่าหักหน้า “นายกอิ๊งค์”และเพื่อไทยแกนนำรัฐบาล ที่นำมาสู่กระแสจะมีการ “เอาคืน”ผ่านการปรับครม.หรือเขี่ยภูมิใจไทยและดึงพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เข้ามาร่วมในจังหวะที่จะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยน “สมการการเมือง”จากผลคดี “44ส.ส.พรรคประชาชน” ในปปช. ที่จะเป็น “ตัวแปร”ทำให้เสียงในสภาลดลงจนรัฐบาลอยู่ได้โดยไม่ต้องมี “ภูมิใจไทย”

 

ยิ่งมามีกระบวนการนิติสงครามทะยอยออกมา เล่นงาน“นายกอิ๊งค์-เศรษฐา”จากปมการใช้งบประมาณกู้มาแจก รวมถึงการตีไปที่ “ทักษิณ”หลายเรื่องโดยเฉพาะ “คดีคนชั้น14”ที่ศาลฎีกาฯนัดล่าสุดวันที่ 30เม.ย. ที่ถูกมองอาจกลายเป็น “จุดเปลี่ยนทางการเมือง”

 

อย่างที่ “ไพศาล พืชมงคล”อดีตกุนซือรองนายกฯ “ลุงป้อม”วิเคราะห์ผ่านFB ว่า คู่ขัดแย้งหลัก แดงกับน้ำเงิน ยังรอวันแตกหัก ความขัดแย้งหลักนี้ จะทำให้น้ำเงินต้องออกไปเป็นฝ่ายค้าน
ปัญหาว่าเมื่อใดเท่านั้น เพราะ นายใหญ่และครูใหญ่ไม่มีวันยอมให้ลูกสาวลูกชายถูกบูชายันต์ ในขณะที่เพื่อไทย กุมสภาพในรัฐบาลและการบริหารได้กระชับขึ้น แต่ความเสี่ยงทางการเมืองของพรรค ก็พุ่งสูง อย่างน้อย 2 เรื่องคือ

 

(1) การไต่สวนของศาลฎีกาวันที่ 30เม.ย. ที่ไม่มีใครคาดหมายได้ว่า ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร แต่ก็อดที่จะหวาดเสียวไม่ได้

(2) การร้อง ป.ป.ช. ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน ครม.ทั้งคณะ กรรมาธิการ งบประมาณที่เป็น สส. และสว. ออกจากตำแหน่งเกี่ยวกับกรณีแปรญัตติงบประมาณ ให้นำรายจ่ายประจำ เอาไปใช้จ่ายอย่างอื่นซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ และมีโทษที่จะต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งหลักฐานมีพร้อมมูลแล้ว ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ จะใช้เวลาอย่างมากไม่เกิน 3 เดือนก็รู้หมู่จ่าแล้ว

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews