เดิมพัน”ลุงตู่”สู้โควิดติดตาย (click ดูวิดีโอ)
@ยังคงแรงเร็วร้ายในอัตราเร่งสำหรับ”โควิดภาค3″สายพันธ์อังกฤษที่นำเข้ามาจาก”กัมพูชา”มากระจายผ่าน”คลัสเตอร์””คริสตัล-เอมเมอรัล”มีผู้คนตั้งแต่”รัฐมนตรี”นายทหาร ตำรวจ ข้าราชการระดับสูง ติดและกระจายออกมาผ่านบุคคลระดับ”ไฮเอ็น”ของประเทศที่กำลัง”กลายพันธุ์”คู่ขนานไปกับการแข่งกับเวลาของการเร่งหาและกระจายฉีด”วัคซีน”ป้องกันและขยายแนวการสร้างภูมิคุ้มกันของประชาชนให้ได้มากกว่า70% ที่วันนี้ดูทรงจาก”สัญญาณ””ผู้เสียชีวิต”ที่พุ่งเป็น 7ราย เพิ่มจากของเมื่อวาน(21เม.ย.)ที่มีเพียง 2ราย วานซืน(20เม.ย.) 4ราย โดยสะสม 23ราย นับจากวันที่ 1 เม.ย. – 22 เม.ย. เพียง 22วัน เท่ากับมากกว่าวันละ 1คน
@ขณะที่มีผู้ป่วยรายใหม่ 1,470ราย ยังรักษา 18,148ราย รักษาในโรงพยาบาล 14,249ราย รักษาโรงพยาบาลสนาม 3,593ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 19,250ราย โดยในส่วนของ”ผู้เสียชีวิต”7รายวันนี้ ตอกย้ำถึงความรุนแรงของ”โควิดภาค3″สายพันธุ์อังกฤษ ที่เคยอาละวาดมาหลายประเทศทางยุโรปอย่างที่”คุณหมอโอภาส พุทธเจริญ”หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ บอกไว้วันก่อนว่า B117 เป็น “สายพันธุ์ดุ”
@โดยคุณหมอเคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าโควิดระบาดรอบนี้จะมีเคสผู้ป่วยหนักในไอซียูเพิ่มขึ้นหลายเท่า เพราะสายพันธุ์อังกฤษ ดื้อกว่า ติดง่ายกว่า ปริมาณเชื้อมากกว่า และอยู่ได้นานกว่าโควิดสายพันธุ์เอเชีย โดยการระบาดรอบนี้ผู้ป่วยวัยหนุ่มสาวที่สุขภาพแข็งแรง เกิดอาการปอดอักเสบมากกว่า 2 รอบที่ผ่านมา แถม ผู้ติดโควิดรอบ 3 จะเกิดอาการป่วยในหนึ่งสัปดาห์และจะมีอาการปอดอักเสบอย่างรวดเร็ว เรียกว่าดุไม่ดุดูได้จากชาวอังกฤษต้องเสียชีวิตจากโควิดมากกว่า 1.2 แสนราย
@สอดรับกับ”หมอยง”ที่บอกว่าB117 ติดต่อง่ายกว่าสายพันธุ์ธรรมดาอยู่ประมาณ 1.7 เท่า และที่น่ากลัวคือ แพร่กระจายเร็ว ไม่แปลกว่า ทำไมสถานบันเทิงมีการแพร่มากกว่าปีที่แล้ว เราคาดว่าการระบาดปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว 10 เท่า ขณะเดียวกัน มาตรการของเรา หากเทียบกับปีที่แล้วที่เรามีล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว ห้ามขายแอลกอฮอล์ ปิดโรงเรียน ปิดสถานประกอบการ เลื่อนสงกรานต์ ดังนั้นมาตรการปีที่แล้วกับปีนี้ห่างกัน 10 เท่าเช่นกัน เชื้อแพร่เร็วมากกว่าเดิม 10 เท่า มาตรการลดหย่อน 10 เท่า ดังนั้น เชื้อจึงจะแพร่กระจายเป็น 100 เท่า และเมื่อเจอเป็นสายพันธุ์อังกฤษอีกที่แพร่กระจายได้ง่าย 1.7 เท่า ก็จะเป็น 170 เท่า ยิ่งทวีคูณเข้าไปใหญ่
@ที่การประเมินของ”หมอ”ดูจะสอดรับกับ”ผลลัพธ์”ที่กำลังปรากฏผ่านจำนวน ผู้เสียชีวิต จาก โควิดในประเทศไทย วันนี้(22เม.ย.) ที่นอกจาก ผู้สูงอายุ ยังมี “คนหนุ่มคนสาว”เสียชีวิต ที่”โควิด”รอบนี้กระจายตัวเร็วก็มาจากคนหนุ่มสาวคนวัยทำงาน ที่เดินทางเคลื่อนที่ไปหลายพื้นที่ มีปฏิสัมพันธ์กับสังคมตลอดเวลา แถมมี “แรงบวก”กับการที่รัฐบาลให้มี วันหยุดยาวสงกรานต์ ก็ยิ่งทำให้เชื้อกระจายไปทั่วประเทศเร็วขึ้นแบบ”สวนทาง”กับ”การกระจายฉีดวัคซีน” ที่วันนี้(22เม.ย.)ฉีดสะสมไปได้เข็มที่หนึ่ง 746,617ราย เข็มที่สอง 118,223 ราย
@โดยในรายที่17 ที่เสียชีวิต เพศหญิงอายุเพียง 24ปี และวัยทำงานรายที่21 และ22 ที่อายุ 45 และ 59ปี หลังจากที่ใน 2ราย ที่เสียชีวิตเมื่อวาน(21เม.ย.)ก็มีเคสของ ผู้เสียชีวิตเพศชายที่ “ปอดหาย” หลังตรวจเจอโควิด 4 วัน ก่อนเสียชีวิต โดยมีอายุ 32ปี ตามข้อมูลระบุว่าไปตรวจหาเชื้อโควิด 2รอบ คือ วันที่ 11 เม.ย. ไม่พบเชื้อ แต่แพทย์นัดให้มาตรวจซ้ำในวันที่ 14 เม.ย. จากนั้น 15 เม.ย.พบว่าติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาทันที ก่อนจะเสียชีวิตวันที่ 19 เม.ย. โดย แพทย์ลงความเห็นว่าเนื้อปอดเสียหายอย่างมาก ซึ่งถือว่าเชื้อลุกลามสู่ปอดเร็วมาก
@เรียกว่า ดูทรงสถานการณ์การระบาดของ “โควิด”รอบนี้กับยอดของผู้เสียชีวิตที่กำลังเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ติดเชื้อที่กำลังล้นโรงพยาบาลแบบที่ หากใครยังทอดเวลาดึงเช็งชิลๆต่อไป ไม่เร่งหา”วัคซีน”หรือ ระดมกำลังเอกชนมาช่วย ในการรับมือการรักษา ในสถานการณ์ที่พร้อมจะมี ผู้ป่วยอาการหนัก เพราะมีโรคประจำตัว เสียชีวิตแบบ 7 ราย วันนี้ไม่น้อย แถมยังมีโอกาสที่เชื้อจะ”กลายพันธุ์”
@ที่สถานการณ์นี้ทำให้วันก่อน”เจ้าสัวธนินท์”ต้องออกมาส่งสัญญาณถึง”นายกลุงตู่”โดยตรงในการให้ “ภาคเอกชน”เข้ามาช่วย ทั้งการหาและช่วยระบบจัดการหลังบ้าน การกระจายฉีด”วัคซีนโควิด”นอกจากส่วนที่รัฐบาลต้องหาราว 60กว่าล้านโดส ให้ได้มากกว่าล้านโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันผู้คน
@ที่ทั้งหมดทั้งมวลต้องติดตามว่า”ลุงตู่”ในฐานะ”ผู้นำในวิกฤติชาติ”ที่เคยประกาศสู้ตาย เหมือน เดิมพัน ชีวิตกับศึกโควิดรอบนี้ ที่เพียง 22วันมีประชาชนติดเชื้อตายแล้ว 23ราย จะทำได้อย่างที่ลั่นวาจาไว้หรือไม่ เพราะหากทำได้ ก็จะมีผล ต่อสถานการณ์การเมือง ที่ว่ากันว่า”ศูนย์อำนาจ”มีเตรียมลู่ทางกันไว้ สำหรับการเปลี่ยนแปลง หลังปลายเดือนพฤษภาคม ที่งบประมาณผ่านสภาฯเช่นกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news